สืบเนื่องจาก กก. บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.อ.สถิตย์ วิชัยกุล ผกก.ตม.พระนครศรีอยุธยา จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา)บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ
จนกระทั่งวันนี้( 25 มิถุนายน 2567 ) เวลาประมาณ 18.00 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง โดยพบรถยนต์นั่งสามตอน ยี่ห้อ TOYOTA INNOVA สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข ฎฬ-9773 กรุงเทพมหานคร ขับขี่ผ่านมามีน้ำหนักที่รถยนต์มากกว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.1-2 ถนนสายเอเซีย ทล.32 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้วเบื้องต้นสอบถาม ชื่อซอ ทน นา อู (SAW TUN NAING OOX) อายุ 35 ปี หมายเลขหนังสือเดินทาง MP098824 (แสดงตนเป็นผู้ขับขี่) โดยมีผู้ถูกจับที่ 2 – 8 นั่งโดยสารมากับรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา พบว่า ผู้ถูกจับที่ 2 – 8 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง โดยผู้ถูกจับนั่งโดยสารมาในรถยนต์คันดังกล่าว
จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การยอมรับว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 15.00 น.ได้รับการประสานจากหญิงชาวไทย ใช้ชื่อเรียกว่าเจ๊(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) เบอร์.082-3015366 ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวจำนวน 7 คน ที่บริเวณ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ เพื่อไปส่งปลายทางที่ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร โดยได้ค่าจ้าง 1,000 บาท/คน และได้รับเงินค่าจ้างจากญาติของคนต่างด้าวและรับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 7 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 3-4 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ
และ สอบถามผู้ถูกจับที่ 2 – 8 ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 11,000-17,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 1 “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”ผู้ถูกจับที่ ๒ – 8 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอิทร์ราชา ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ภาพ-ข่าว กนกศักดิ์ ข่าว THAIREFERENCE