Statistiche web
พมจ.หนองคาย และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เยี่ยมเด็ก นร.เหยื่อครูอนาจาร ก่อนประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้อง กับกรณีดังกล่าว

 นางบุปผา  ทัพกฤษณ์  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ พบกับนายนนทวัฒน์  ศรีชะฎา อายุ 36 ปี  ตำบลรัตนวาปี อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย บิดาของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี นร.ชั้น ป.5 หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งผู้ปกครองได้พาเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนวาปี ตั้งแต่เมื่อวาน (14 ก.ค.67) ที่ผ่านมา  และผู้ปกครองของ นร.ผู้เสียหายที่มารอเจ้าหน้าที่  โดย พมจ.หนองคายและบ้านพักเด็กหนองคาย ได้นัดหมายให้ผู้ปกครองของเด็ก นร.ผู้เสียหายทั้งหมดมารวมตัวกันที่บ้านหลังดังกล่าว โดยได้นำเด็ก นร.ผู้เสียหายมาด้วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ซักถามประเด็นต่างๆ ในเบื้องต้น ก่อนเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปร่วมประชุมกันที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอรัตนวาปี ชั้น 2

ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอรัตนวาปี ชั้น 2 อ.เภอรัตนวาปี จ.หนองคาย นายวุฒิชัย  ชัยภูวนาถ นอภ.รัตนวาปี แทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในการประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครองเด็ก นร.(ผู้เสียหาย) เปิดให้มีการซักถามเกี่ยวกับคดีครูทำอนาจารเด็กนักเรียนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง ภายในโรงเรียน โดยมี นางบุปผา  ทัพกฤษณ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองคาย,บ้านพักเด็กหนองคาย,ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดหนองคาย,นิติกร สพป.หนองคาย เขต 2,จนท.ตร.สภ.รัตนวาปี,ผอ.โรงเรียนที่เกิดเหตุ,กำนันตำบลรัตนวาปี,ผญบ.บ้านเจริญชัย และผู้ปกครองนักเรียน(ผู้เสียหาย) นายสมภพ   สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย ได้กำชับมาถึงผู้ปกครองของให้สบายใจได้ ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่  เนื่องจากเป็นคดีนี้ถือเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นครู

ด้านนางบุปผา  ทัพกฤษณ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า  หากเกิดเหตุที่เกี่ยวกับเด็กทางเราก็จะมีทีมงานเจ้าหน้าที่ ของ พมจ.เข้ามาร่วมสอบสวนดูแลเด็กและผู้ปกครอง และให้ความช่วยเหลือด้านคดีหากมีการร้องขอ  เบื้องต้นทราบว่าเด็กและผู้ปกครองสามารถอยู่ในพื้นที่ได้ ยังไม่ต้องนำเด็กไปดูแล หลังจากนั้หากมีอะไรเพิ่มเติมให้ประสานไปยัง พมจ.ได้ทันที

ด้านพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเจ้าของคดี กล่าวว่า ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำอนาจารเด็กอายุ 13-15 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้ปกครองของเด็กหญิงครบทั้ง 8 คน และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ในเบื้องต้นจากการสอบผู้ปกครองเชื่อว่าพยานหลักฐานมีความเป็นจริง คดีอยู่ในอำนาจจึงได้รับความร้องทุกข์ไว้ทำการสอบสวน  ขบวนการต่อไปจะต้องมีการสอบเด็ก ตาม ป.วิอาญา ผ่านสหวิชาชีพ  ซึ่งวันนี้   มีผู้ปกครองนำเด็ก นร.(ผู้เสียหาย) เข้าแจ้งความเพิ่มอีก 1 คน รวมผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความแล้วรวมจำนวน 9 คน ด้านผู้ปกครองของเด็ก นร.(ผู้เสียหาย) ถามว่าจะให้มีความมั่นใจได้อย่างไรในความปลอดภัยของบุตรหลานที่ไปเรียนหนังสือในโรงเรียน และจะมีช่องทางใดให้ผู้ปกครองติดตามคดีได้ และคดีจะใช้เวลานานเท่าไร

ผอ.โรงเรียนที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ทางโรงเรียนมามาตรการดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว มีกล้องวงจรปิด และมีคำสั่งแต่งตั้งให้ครูผู้ชายไม่ให้สอนเด็กโต ซึ่งครูผู้ก่อเหตุสอนอนุบาล 2 และเป็นครูประจำชั้น ป.2 และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น   ส่วน ครูดอดเข้ามอบตัวเงียบ รับทราบข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้การภาคเสธโดยใช้โฉนดที่ดินประเมินราคา 100,000 บาท ในการประกันตัว

พ.ต.อ.เตชรัฐ  ประทุมชาติ ผกก.สภ.รัตนวาปี  กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย  ได้ให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาตัวผู้กระทำผิด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับเยาวชน และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เบื้องต้นได้ประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาสอบสวนร่วม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ในข้อหา”กระทำอานาจารเด็กไม่เกิน 13-15 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ทั้งนี้ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คดีนี้ถือเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นครู กระบวนการจากนี้เด็กหญิงผู้เสียหายทางสหวิชาชีพเข้าสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ให้รัดกุมในการดำเนินคดีต่อไป 

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศธ.โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายที่ชัดเจนว่าสถานศึกษาจะต้องเป็นสถานที่ที่มีความปลอดภัยของเด็กนักเรียน ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ก็ตามที่กระทบกับเด็ก ศธ.จะไม่ยอมเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องครูกระทำอนาจารลูกศิษย์ของตัวเองแบบนี้ยิ่งไม่ควรเกิดขึ้น ทั้งนี้จะให้ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าไปติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะต้องตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง และย้ายผู้ถูกกล่าวหาออกจากพื้นที่ไปประจำที่ สพท.ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และทำให้การสอบสวนฯเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยการสอบสวนฯจะต้องทำให้เสร็จภายใน 7 วัน หากผลออกมามีมูลก็ต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน เรื่องนี้ ศธ.จะไม่ยอมเด็ดขาด จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ขอให้ผู้ปกครองเชื่อมั่นและสบายใจได้ว่าเราจะไม่ช่วยเหลือคนที่กระทำความผิด แต่จะจัดการอย่างเด็ดขาด.//

ภาพ-ข่าว ฤาษีลภ-โภควิยทร์-จังหวัดหนองคาย

Share This