ที่ บริเวณลานหลักหมุดผังเมือง หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจและประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง บรรพบุรุษและอดีตเจ้าเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเตรียมสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ณ บริเวณลานหลักหมุดผังเมือง ด้านหน้าศาลากลางจังหวัด
โดยแต่ละอำเภอจัดพิธีเช่นเดียวกันพร้อมกันตามที่กำหนด เช่น อำเภอลับแลจัดที่อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ อำเภอน้ำปาดจัดที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ท่านพ่อพญาปาด เป็นต้น จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งแต่ย้ายเมืองมาจากเมืองพิไชย (อำเภอพิชัย) ในสมัยรัชการที่ 5 ยังไม่มีศาลหลักเมืองเลย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานเปลี่ยนนามเมืองจากเมือง “พิไชย” เป็น “อุตรดิฐ” จนกระทั่งปัจจุบัน จังหวัดอุตรดิตถ์เรายังไม่เคยมีศาลหลักเมืองเป็นทางการเลย ซึ่งถ้าหากเราเริ่มจัดสร้างในปี พ.ศ. 2567 นี้ ก็คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2569 ซึ่งจะถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สมโภชและเฉลิมฉลองศาลหลักเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ในโอกาสครบรอบ 111 ปี การเปลี่ยนนามเมืองอุตรดิตถ์พอดี
นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวกล่าวว่า คณะกรมการจังหวัดอุตรดิตถ์มีมติเห็นชอบการจะจัดสร้างศาลหลักเมืองขึ้น โดยกรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูสถานที่ก่อสร้าง พร้อมให้คำปรึกษาจากพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานคณะพราหมณ์ ว่าเห็นสมควรยิ่งแล้ว ส่วนของตัวเสาหลักเมืองและอาคารศาลหลักเมือง ให้มีเอกลักษณ์ อัตลักษณ์เป็นของจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งการเร่งหาไม้มงคลในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อจะได้นำมาทำเป็นเสาหลักเมือง ในเบื้องต้นกำหนดเป็นไม้สัก (มเหสักข์) เพราะเป็นไม้มงคลเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยหากได้แล้วก็จะมีพิธีพลีกรรมตัดต้นไม้และส่งให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดสร้างต่อไป กำหนดแผนงานไว้ให้แล้วเสร็จรวมระยะเวลา 2 ปี และสมโภชเฉลิมฉลองในเดือนสิงหาคม 2569 ในโอกาสครบ 111 ปี การเปลี่ยนนามเมืองอุตรดิตถ์พอดี
ณัฐวัฒน์ ราชประสิทธิ์ ภาพ/ข่าวอุตรดิตถ์