ที่สภ.บางบัวทอง ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรมว. กระทรวงสาธารณสุข เดินทางเข้าช่วยเหลือ ป้าแป๊ด อายุ 69 ปี พร้อม ประสานเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมจังหวัดนนทบุรี จากกรณีที่มีเพื่อนบ้านได้ร้องเรียนมาว่า ในหมู่บ้านมีป้าคนหนึ่งเมา ลูกป้าไม่ให้เข้าบ้านเกือบเดือน แถมลูกสั่ง รปภ. ห้ามให้ป้าเข้ามาภายในหมู่บ้านเด็ดขาด ตัวป้าแป๊ดเลยเร่ร่อนนอนนอกบ้าน อาศัยวัดบ้าง โรงพักบ้าง อาศัยเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ600บาท
ป้าแป๊ด เล่าว่า ตนมีลูก3คน ก่อนหน้านี้ขายบ้านเก่าที่เคยอาศัยอยู่ได้เงินมาประมาณ 1 ล้านบาท แบ่งเงินเป็น3ส่วน ให้ลูก3คน ส่วนตัวเองก็มาอาศัยอยู่บ้านลูกสาวคนเล็ก โดยบ้านหลังนี้น้องหญิงอาศัยอยู่กับสามีเพียง2คน ที่ผ่านมาแฟนของน้องหญิงพูดจากับตนไม่ค่อยดี เวลาซื้อข้าวก็ซื้อมากินกัน2คน เวลาตนหุงข้าวลูกเขยก็ชอบว่าตน ว่าหุงทำไมเหม็น ตนจึงรู้สึกอึดอัดจึงออกมา ตอนออกมาจากบ้านน้องหญิงก็บอกว่าให้ออกไปแต่ตัวไม่ให้เอาทรัพย์สินอะไรติดตัวไป ตนออกจากบ้านมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ย.และไม่ได้เข้าบ้านมาประมาณ 1 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ไปอาศัยนอนตามวัด ตามโรงพักและป้อมยามหน้าหมู่บ้านบางครั้งก็อาศัยนอนตามป่าข้างถนน พอจะเข้าหมู่บ้าน รปภ.ก็แจ้งว่าลูกสาวตนสั่งห้ามไม่ให้ตนเข้าภายในหมู่บ้าน พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเสียใจมาก ที่ผ่านมาอาศัยเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ600 บาทเท่านั้น ยอมรับว่าตนกินเหล้าจริง แต่กินเฉพาะเวลาเครียดเท่านั้น ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่มาช่วยก็ดีใจส่วนตัวแล้วอยากจะฟ้องร้องเอามรดกที่ให้ลูกทั้ง3คนคืนมา
ด้าน ดร.ธนกฤต กล่าวว่า หลังจากที่ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ทราบว่าตัวป้าแป๊ดอาศัยอยู่นอกบ้านจริง โดยไปนอนตามวัด ตามรถกอล์ฟหมู่บ้านตามโรงพักบ้าง และยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมลูกไม่ให้เข้าบ้าน แต่อีกประเด็นก็คือด้านตัวคุณป้าแป๊ดเองก็ยอมรับว่าเป็นนักดื่มเหล้าเหมือนกัน หลังจากนี้ก็จะประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดและพม.จ.นนทบุรี ส่งตัวป้าแป๊ดไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล หากพบว่ามีอาการติดสุราก็จะนำตัวรักษาเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดการติดสุรา หลังจากนั้นจะนำตัวส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมจังหวัดนทบุรีดูแลต่อไป หลังจากนี้ตนจะเดินทางไปพูดคุยกับทางลูกๆ ของป้าแป๊ดที่อยู่ที่บ้านเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่างๆ แต่ในเรื่องของกฏหมายก็มีกฏหมายคุ้มครองอยู่ ซึ่งในทางกฏหมายเองหากจะแบ่งออกเป็นทางเพ่งและอาญา ซึ่งในด้านทางเพ่งแล้วผู้เป็นแม่สามารถเรียกทรัพย์คืนหรือมรดกที่ให้ลูกไปแล้วคืนได้ แต่ในส่วนของความผิดทางอาญาก็มีโทษหากผู้เป็นลูกทอดทิ้งไม่เลี้ยงดูพ่อแม่
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง ซึ่งเป็นบ้านของน้องหญิงที่ป้าแป๊ดอาศัยอยู่ ได้ระบายความในใจให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า แม่เป็นคนติดเหล้ามากเวลากินเหล้าก็มีมีเรื่องไปทั่ว กินเหล้ามาตั้งแต่ตนยังเด็กๆ ที่บ้านเคยพาตัวไปรักษาและบำบัดหลายรอบแล้ว ปกติถ้าแม่ไม่กินเหล้าก็จะเหมือนคนปกติทั่วๆไป ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใครเลยแต่พอกินเหล้าเข้าไปก็ชอบออกไปนอกบ้านไปด่าคนอื่นๆ ตนเคยไปช่วยเคลียร์ปัญหาให้แม่มาหลายครั้งแล้วจนเพื่อนบ้านบอกว่า ไม่ต้องมาช่วยเคลียร์แล้วยิ่งทำเหมือนแม่ก็ยิ่งได้ใจ ก่อนหน้านี้ที่จะย้ายมาอยู่ที่นี้แม่ก็กินเหล้าแล้วก็มีปัญหากับเพื่อนบ้าน พาไปอยู่ที่นครปฐมก็มีปัญหาจนเขาไล่ออกมา พามาอยู่ที่นี้ก็มีเรื่องอีก จนตนหมดปัญญาจะแก้ไขแล้วเพราะแม่ติดเหล้าหนักมาก ส่วนเรื่องที่แม่บอกว่าขายบ้านได้เงินมา1ล้านแล้วแบ่งให้ลูกๆ3คน จริงๆแล้วบ้านหลังที่ขายเป็นบ้านพ่อ แต่ซื้อในชื่อของลูกพี่ลูกน้องและผ่อนไม่ไหวจึงรีบเอาเข้าไฟแนนซ์เพื่อนำเงินมาเคลียร์ สุดท้ายแล้วเหลือแค่ไม่กี่บาท แบ่งให้ลูกๆคนละ10,000 -20,000 บาท เท่านั้นเอง
ส่วนที่แม่แกไปนอนนอกบ้านนั้นลูกๆไม่ได้เป็นคนไล่แม่ออกจากบ้าน แต่แม่เองพอเมาแล้วก็หาเรื่องออกไป เขาก็จะหาเรื่องด่าคนในบ้าน บางครั้งเอามีดปาใส่คนในบ้านแล้วก็บอกว่าอยู่ไม่ได้ เขามีปัญหากับพ่อมาตั้งนานแล้วเรื่องที่พ่อมีแฟนใหม่ ส่วนเรื่องที่น้องหญิงได้ไปบอกกับทางรปภ.หมู่บ้านและสั่งห้ามไม่ให้แม่เข้ามา เรื่องนี้ยอมรับว่าจริง เพราะว่าคนที่บ้านทนพฤติกรรมของแม่ไม่ไหวแล้ว ที่ผ่านมาสร้างแต่เรื่องถึงเป็นแม่ที่เลี้ยงดูพวกตนมาแต่ก็ไม่มีสิทธิ์จะมาทำลายอนาคตของลูกๆ ตอนนี้หากมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือตนยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ และไม่ว่าอะไรหากสังคมจะมองว่าตนเป็นลูกเนรคุณ เพราะที่ผ่านมาตนทำเต็มที่แล้ว
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี