พลตำรวจโทปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าและรับทราบข้อเท็จจริงสถานการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บนถนนหน้าบ้านพักของว่าที่ร้อยตรีจิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอตากใบ ซึ่งตั้งอยู่ ม.3 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 กันยายน 67 ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.นิยม สุวรรณคง ผกก.สส.ภ.จว.นราธิวาส น.ท.มานพ สืบสาย ผบ.ฉก.นย.ทร.33 พร้อมปลัดอาวุโส อ.ตากใบ เจ้าหน้าที่ชุด อี.โอ.ดี.และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส คอยให้การต้อนรับ
ซึ่งในระหว่างที่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ ผบช.ภ.9 ดูสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ มีอาคารบ้านเรือนของชาวบ้าน กำแพงรั้วของกองร้อย อส.อ.ตากใบ รวมไปถึงกระจกบ้านพักของนายอำเภอตากใบบางส่วน อยู่ในสภาพถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหาย แต่ซากรถยนต์เก๋งที่ถูกเป็นใช้เป็นพาหนะในการซุกซ่อนระเบิด เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายและเคลียร์พื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ถึงเส้นทางของคนร้ายนำระเบิดมาวางคาร์บอมบ์ ที่ได้มีการหลีกเลี่ยงใช้แหล่งชุมชน เหมือนลักษณะมีการวางแผนไว้อย่างดี และคาดว่าจะมีกลุ่มคนร้ายทำหน้าที่ดูต้นทาง ในการแจ้งประสานให้คนร้ายที่ขับรถยนต์เก๋งที่แอบซุกซ่อนระเบิด ขับนำมาก่อเหตุซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางถึงจุดก่อเหตุต้องไม่เกิน 30 นาที ที่ระบบจุดชนวนระเบิดได้ตั้งเวลาในการทำงานไว้ในช่วง 21.51 น.หรือเพียง 21 นาทีเท่านั้นหลังจากบุกจี้รถยนต์เก๋งมาใช้เป็นพาหนะในการซุกซ่อนระเบิด
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ ผบช.ภ.9 ยังได้สอบถามถึงความคืบหน้าทางคดีในเบื้องต้น ทราบว่า พนักงานสอบสวนได้เรียกพยานบุคคลซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหาย มาให้ปากคำในเบื้องต้นแล้วเกือบแล้วเสร็จ ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุส่วนใหญ่คาดว่าได้หลบหนีไปหลบซ่อนตัวในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว แต่เชื่อว่าคนร้ายบางส่วนยังหลบซ่อนตัวในพื้นที่
ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ ผบช.ภ.9 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมร่วมเพื่อสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี ณ ห้องประชุม สภ.ตากใบ โดยที่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ารับฟังและเข้าสังเกตการณ์ โดยใช้เวลานานร่วม 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ได้เปิดเผยหลังจากประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวแล้วเสร็จ ว่า ในเบื้องต้นคนร้ายปล้นรถยนต์จากพื้นที่ใกล้เคียง มาประกอบระเบิดวางในที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นปล้นรถจักรยานยนต์ชาวบ้านแล้วหลบหนีไป กรณีคนร้ายจงใจหลบหนีเป็นลักษณะที่กระทำแบบนี้ในพื้นที่ อ.ตากใบ ได้คุยกับทางแม่ทัพภาคที่ 4 ในการติดตามสถานการณ์ มีหลักฐานชัดแจน แต่เมื่อหลบหนีไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทำให้จับกุมตัวมาได้ยาก ในเบื้องต้นการตรวจพบถังดับเพลิงผลิตในประเทศมาเลเซีย จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งด้วยเหตุที่เป็นชายแดนที่เชื่อมต่อกันง่าย ทำให้ต้องหามาตรการปิดกั้นให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ จะเกี่ยวข้องกับคดีจลาจลหน้า สภ.ตากใบ ในเรื่องนี้หน่วยกำลังถูกก่อเหตุใหญ่มาต่อเนื่อง ส่วนที่เชื่อมโยงกันก็อยู่ในยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นการแสดงศักยภาพลดความน่าเชื่อถือของรัฐ ซึ่งมีเหตุมาตลอด ส่วนคดีจลาจลหน้า สภ.ตากใบ ทางคดี ภ.9 ที่ฟ้องเองศาลออกหมายไปแล้ว ที่สภ.หนองจิก ได้รับสำนวนจากอัยการสูงสุด ได้ออกหมายจับ กำชับการสืบสวนติดตามมาโดยตลอด มีการออกหมายจับทั้ง 8 คน โดยออกหมายจับเมื่อวานที่ 30 ก.ย.67 กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเป็นกลุ่มเดิมๆ แบ่งหน้าที่กันทำตามปกติปล้นรถหลบหนี มีคนคอยดูต้นทาง จำนวนคนร้ายประมาณ 10 คนยังไม่แน่ชัด ก็เป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องระวังเช่นการวางไว้หน้าบ้านพักนายอำเภอในส่วนกรณีเหตุที่ อ.แว้ง อยู่ในพื้นที่นราธิวาส คนร้ายแบ่งพื้นที่กันทำงาน ส่วนหนึ่งเราออกหมายจับควบคุมได้บางส่วนแล้ว ไม่หนักใจกรณีเกิดเหตุถี่ขึ้น ก่อนครบ 20 ปี เราต้องวางมาตรการป้องกันต่อไป
สำหรับผลการตรวจวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ จากเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา พบว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนำไปซุกซ่อนในรถยนต์เก๋งยี่ห้อ เอ็ม.จี.ทะเบียน 5 ขญ 1830 กทม.ที่ใช้อาวุธปืนอ็ม.16 จี้จาก น.ส.มาเรียม ดอเลาะ ที่บ้านพักเลขที่ 44/6 ม.6 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 21.30 น.นั้น มีจำนวน 6 รายการ ประกอบด้วย 1. ภาชนะบรรจุระเบิดไว้ในถังแก๊สหุ้งต้ม ขนาด 14 ก.ก.สีฟ้าผลิตในประเทศมาเลเซีย 2. ระบบจุดชนวนระเบิดมี 2 ระบบ ด้วยกันคือ วิทยุสื่อสาร วงจร DTMF V13 สีดำ , วงจร DIGITAL 3. ส่วนสังหารเป็นเหล็กเส้นตัดท่อน ขนาด 8 และ 9 ม.ม. 4. แหล่งพลังงานเป็นแบตเตอรี่ลิเธี่ยม ขนาด 3.7 โวลต์ 5. ชิ้นส่วนของแกลลอนใส่น้ำมันเชื้อเพลิง ขนาดบรรจุ 10 ลิตร และ 6. ดินระเบิดหลัก อยู่ในช่วงรอผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง
รายงานข่าวจากแหล่งข่าวหน่วยความมั่นคงที่ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เปิดเผยว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนร้ายใช้ถังแก๊สหุ้งต้มจากประเทศมาเลเซีย แอบลักลอบนำเข้ามาประกอบระเบิด และเมื่อก่อเหตุแล้วเสร็จก็จะแอบลักลอบหลบหนีไปกบดานในประเทศเพื่อนบ้านทุกครั้ง โดยเฉพาะหลังก่อเหตุในพื้นที่อำเภอที่ติดอยู่กับแนวชายแดนของรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้เลย ถึงแม้จะรู้ตัวผู้ร่วมก่อเหตุจากผลตรวจสอบทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์แล้วก็ตาม ซึ่งเป็นปลายทางที่กลุ่มคนร้ายหลบหนีคดีหลังก่อเหตุแล้วเสร็จเสมอมา
ภาพ-ข่าว ซาการียา ดอเลาะ จ.นราธิวาส