ที่วัดสำโรง ตำบลวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 พร้อมด้วย นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม นายพรชัย โพธิ์ทองนาค ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงนครชัยศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เข้าพบพระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง เจ้าคณะตำบลวัดสำโรง เพื่อหารือและติดตามข้อมูล พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) ซึ่งได้มีความประพฤติไม่เหมาะสมในสื่อโซเชียล และเป็นที่หนักใจของคณะสงฆ์และสำนักงานพระพุทธศาสนา
ซึ่งกรณีดังกล่าวได้สืบเนื่องมาจากกรณี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 67 ที่ผ่านมาพระครูปลัดธีระปีนเสาไฟ ได้บุกไปหานายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม กรรชัย พิธีกรชื่อดัง รายการโหนกระแส ที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 เนื่องจากอ้างว่าพิธีกรคนดังทำให้ไม่พอใจเพราะชอบมีกระแสออกข่าวทำลายพระ มีการนำ อาจารย์เบียร์ เจ้าของ Tiktok คนตื่นธรรมมาออกรายการ ซึ่งทาง รปภ.ไม่ได้ให้ขึ้นไปพบเนื่องจากไม่มีการแสดงบัตรพระ จากนั้นเจ้าตัวได้มีการระบุว่า วันที่ 31 ตุลาคม นี้จะกลับมายื่นหนังสือกับผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อีกครั้ง โดยจะนำคนมาด้วย 100 คน
โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้นำเอกสารเป็นหนังสือ เอกสาร พิเศษ/2567 จากวัดโพนทะเล ตำบลโพนทะเล อำเภอโพนทะเล จังหวัดพิจิตร ลงนามโดยพระครูปลัดสุทัศน์ สุเมโธ รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพนทะเล เรื่องขอให้พระภิกษุลับวัดโพนทะเล โดยระบุว่า พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) สังกัดวัดโพนทะเล ได้มาจำพรรษา พำนักอยู่ ณ ที่พักสงฆ์สถานปฏิบัติธรรมพุทธยันตรี ตำบลห้วยพลู อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งปรากฏในสื่อโซเชียลต่างๆจนสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในกรณีแสดงตนไม่เหมาะสมบนสื่อออนไลน์ โดยในหนังสือได้มีการระบุให้กลับวัดต้นสังกัด ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ลงนามวันที่ 30 ตุลาคม 67 โดยปัจจุบันยังไม่ได้มีการกลับไปยังต้นสังกัดแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ชุดปฏิบัติการสนธิกำลังได้ เดินทางเข้าไปยัง ที่พักสงฆ์สถานปฏิบัติธรรมพุทธยันตรี 2,600 ปี ซึ่งปรากฏว่าพบตัวพระครูปลัดธีระปีนเสาไฟฟ้า อยู่ภายในพื้นที่จึงได้มีการขอตรวจเอกสารหนังสือสุทธิต้นสังกัดและเอกสารก่อตั้งสถานที่ปฏิบัติธรรมดังกล่าวจึงได้เกิดมีปากเสียง ขึ้นในการตรวจค้นและถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ในระหว่างตรวจสอบ โดยทางพระครูปลัดธีระปีนเสาไฟ ได้ถ่ายคลิบและยืนยันว่าเอกสารในการแจ้งต้นสังกัดจากจังหวัดพิจิตรไม่ถูกต้องเพราะตนเองได้ถูกให้ออกจากวัดดังกล่าวมาแล้วและถูกกลั่นแกล้งมาตลอด ซึ่งสังกัดของตนเองอยู่ที่พื้นที่วัดสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ขณะที่ทางชุดตรวจสอบได้สอบถามถึงเอกสารในการจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมพุทธยันตรี ซึ่งพบว่าอยู่ในที่เปลี่ยวลึกและหาทางเข้ายากเป็นทางเปลี่ยว ทางคณะสงฆ์อำเภอนครชัยศรี แจ้งว่ายังไม่ได้มีระบุอยู่ในสารระบบ ซึ่งขั้นต่อไปจะมีการตรวจสอบเอกสารการขอจัดตั้งว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งทางคณะสงฆ์โดยหลวงพี่น้ำฝน ให้คำแนะนำว่าควรจะย้ายกลับต้นสังกัดในจังหวัดสุพรรณบุรีต้นสังกัดที่มีอยู่
จากนั้นเวลาประมาณ 18.20 น. รถตู้ของทีมงานกันจอมพลัง ได้เดินทางมาถึงยังสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว โดยสังเกตุการณ์อยู่ในรถและไม่ได้ลงมาสอบถามหรือได้พบตัวพระครูปลัดธีระ หรือสอบถามเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเมื่อพบว่าการตรวจสอบเสร็จสิ้นจึงได้วนรถออกจากพื้นที่ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 กล่าวว่า สำหรับการเข้าตรวจสอบในวันนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าอาวาสในจังหวัดนิติได้มีการส่งหนังสือให้มีการส่งตัวพระครูปลัดธีระ กลับวัดต้นสังกัดแต่เมื่อมีการตรวจสอบแล้วท่านได้ นำใบสูจิบัตรมาแสดงว่าขณะนี้ได้สังกัดอยู่ที่วัดสามชุกในอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งในข้อเท็จจริงถือว่าเป็นการผิดระเบียบเนื่องจากการอาศัยอยู่ในสำนักสงฆ์จะต้องมีลำดับชั้นการปกครองคือเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดต้นสังกัดเป็นที่ตั้ง “สำนักสงฆ์ที่ถูกต้องจะต้องมีการได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสวัดนั้นว่าสถานที่ปฏิบัติธรรมนี้ได้ส่งพระสงฆ์รูปนี้มาอาศัยในสถานปฎิบัติธรรมที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรที่ถูกต้อง และจะต้องนำเอกสารนั้นไปแจ้งต่อเจ้าคณะตำบลนั้นนั้นเพื่อให้ทราบว่าได้มีการจัดตั้งสำนักสงฆ์และถูกส่งตัวมาอย่างถูกต้องนั่นเอง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักพุทธจังหวัดนครปฐมได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พระรูปดังกล่าว มีการเชิญชวนให้ญาติโยมนัดชุมนุม โดยจะเดินทางไปที่ช่อง 3 ทำให้ทางเจ้าคณะอำเภอ รวมไปถึงสำนักพุทธจังหวัดนครปฐม เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ใช่เพียงแต่ว่าไม่ใช่เป็นพระสงฆ์ในสังกัดของจังหวัดนครปฐม แต่ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ที่ใดก็แล้ว แต่โดยเจ้าคณะปกครองต่างประชุมกันและไม่เห็นด้วย จึงได้เดินทางลงมายังสำนักปฏิบัติธรรม เพื่อทำการตรวจสอบ ตักเตือน แต่พระธีรธนัชณฤทธา ได้แสดงท่าทีไม่พอใจกับการตรวจสอบดังกล่าว
ภาพ/ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม