มีผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งโพสระบุข้อความ “ตอนนี้ภายในบ้านผมต.ขุนศรีได้รับความเดือดร้อนจากโรงงาน ปล่อยน้ำทิ้งไหลเข้ามาภายในบ้านส่งกลิ่นเหม็นทั่งวันเป็นตอนหลังเกิดยุงเยอะมากผมมีลูกเล็กวัย1ขวบกว่าๆมีพ่อกับแม่อยู่พักอาศัยภายในบ้านนั่งทนกลิ่นเหม็นเวียนหัวมาก ได้ความเดือดร้อนเป็นเวลา4เดือนเต็มๆ พอไปแจ้งหน่วยงานให้ช่วยเหลือมาดูกันแล้วให้น้ำชีวะภาพมา2ขวดเล็กๆ กับทรายกันยุง3ถุงเล็กๆแล้วบอกว่าต้องรอไปก่อนถึงฤดูหนาวเมื่อไรจะมาดูให้อีกทีว่าแก้ไขอย่างไง..ไม่รู้ว่าให้หน่วยงานไหนมาช่วยผมที”
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักแห่งหนึ่งน่านไทรน้อย ต.ขุนศรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ปลูกติดกับโรงงาน โดยมีกำแพงกั้นและได้ พบกับ น.ส.ยุพาวรรณ อายุ 40 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว โดยลักษณะพื้นที่หน้าบ้านมีน้ำเสียซึมไหลออกมาจากกำแพงโรงงานหลายจุด และมี 3 จุดที่ไหลออกมาแล้วมารวมกันบริเวณพื้นที่หลังบ้านจนทำให้ไม่สามารถใช้สอยได้ กลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งหมดนานกว่า5เดือน จนน้ำกลายเป็นน้ำเน่าส่งกลิ่นเน่าเหม็นทุกวัน กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ตอนนี้ประสบปัญหาทั้งกลิ่นเหม็นทั้งยุงชุม ร้องไปยัง อบต.ขุนศรีตั้งหลายครั้งก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ โทรไปจนเจ้าหน้าที่รำคาญตัดสายทิ้ง จึงไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไทรน้อย ก็โยนเรื่องไปให้ อบต.ขุนศรีอีก ล่าสุดเจ้าหน้าที่ อบต.ขุนศรีเข้ามา นำน้ำหมักชีวะภาพมาให้ 2ขวด และผงทรายกำจัดยุงมา3ซอง บอกให้รอหน้าหนาวก่อนถึงจะแก้ไขให้
น.ส.ยุพาวรรณ เล่าว่า ที่บ้านอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 คน มีเด็กๆและคนแก่อยู่ด้วยตนเริ่มสังเกตุเห็นว่ามีน้ำซึมออกมาจากกำแพงโรงงานเมื่อประมาณเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งโรงงานดังกล่าวได้ย้ายไปที่ใหม่แล้ว เหลือเพียงที่พักคนงานด้านหลังเท่านั้นที่ยังมีคนอาศัยอยู่ และส่วนใหญ่เป็นคนงานต่างด้าวอาศัยอยู่ประมาณ 30-40 คน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเดียวก็คงแห้งไปเองแต่ว่าน้ำเริ่มซึมออกมาทุกวันและเป็นน้ำเสีย บางวันน้ำมีสีขาวขุ่นๆ เหมือนน้ำซักผ้าหรือน้ำล้างจานและเริ่มไหลเข้ามาในบ้าน แม่ของตนจึงใช้จอบขุดดินทำเป็นทางระบายน้ำให้ไหลไปทางพื้นที่ว่างด้านหลังบ้านพอเวลาผ่านไปหลายเดือน พื้นที่ด้านหลังบ้านที่เอาไว้จอดรถและจัดงานต่างๆ ถูกน้ำเสียที่ไหลออกมาจากโรงงานทำให้กลายเป็นแอ่งน้ำเสียทั้งหมดไม่สามารถเข้าไปใช้งานพื้นที่ได้และยิ่งส่งกลิ่นเหม็น ยิ่งเวลาฝนตกมีลมพัดทั้งบ้านต้องกินข้าวโดยดมกลิ่นเหม็นของน้ำเสียตลอด แม่จ้างคนมาจุดทำท่อระบายน้ำเสียออกทางด้านหลังแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล
น.ส.ยุพาวรรณ เล่าเพิ่มเติมอีกว่า ตนและแฟนเคยไปร้องเรียนกับทาง อบต.ขุนศรีมาแล้วหลายครั้ง ทางปลัดเคยรับปากว่าจะลงพื้นที่มาดูแล แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มาดูเลย พ่อของตนโทรไปร้องกับทาง อบต.ขุนศรี หลายครั้งจนเจ้าหน้าที่คงรำคาญล่าสุดตัดสายและบล็อคเบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ต่อมาเมื่อช่วงเดือน ต.ค.67 จึงได้ทำหนังสือไปร้องกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไทรน้อย เจ้าหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมก็แจ้งว่ามาแจ้งที่นี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะก็ต้องส่งเรื่องให้กับทางพื้นที่ที่รับผิดชอบซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของ อบต.ขุนศรี อยู่ดี จนเมื่อวันที่ 1 พ.ย.67 มีเจ้าหน้าที่จาก อบต.ขุนศรีเข้ามาดูและให้น้ำหมักชีวะภาพเพื่อลดกลิ่นเหม็นมา2ขวดเล็ก และผงทรายกำจัดยุงให้เอาไว้โรยตรงที่น้ำเสียท่วมขังจำนวน 3 ซองแค่นั้นและบอกว่าต้องรอให้ถึงหน้าหนาวก่อนถึงจะเข้ามาทำการช่วยเหลือและแก้ไขได้ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่จึงอยากวอนหน่วยงานไหนที่สามารถช่วยครอบครัวตนได้ก็อยากขอความช่วยเหลือเพราะครอบครัวตนทนกับกลิ่นเหม็นมานานกว่า5เดือนแล้ว.
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี