ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทับธรรม และ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิทนายกองทับธรรม ร่วมแถลงข่าวปิดตำนานที่ดินแปลงที่รู้จักกันในนาม “ที่ดินกล้วยแขก” พร้อมประกาศเปิดผ้าป่าปลดล็อกแผ่นดินเพื่อระดมทุน 1.9 ล้านบาท จ่ายค่าเสียหายตามคำสั่งศาล โดยสามารถร่วมบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 1211180387 ชื่อบัญชีวัดสวนแก้ว
พระพยอมซื้อที่ดินแปลงนี้ขนาด 1 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา ในราคา 10 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2547 แต่ในปี 2563 มีบุคคลอื่นอ้างว่าเป็นเจ้าของสิทธิ์ที่ดินตัวจริง โดยอ้างว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินปรปักษ์ ซึ่งนางวันทนา สุขสำเริง ได้ครอบครองไว้และขายต่อให้วัดสวนแก้ว ข้อพิพาทเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่อ้างสิทธิ์ได้ทำการล้อมรั้วกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าใช้งานพื้นที่ดังกล่าว จนเกิดการฟ้องร้องในศาลและทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นที่ดินพิพาท
นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากพระพยอมตั้งแต่ 18 ส.ค.2565 ให้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่ดินกล้วยแขก หลังผ่านการต่อสู้คดีมาเกือบ 20 ปีโดยพึ่งกระบวนการศาล แต่ก็ยังไม่สามารถหาทางออกได้ ทนายกล่าวว่าเมื่อการใช้ “พระเดชพระคุณ” ไม่ได้ผล จึงต้องหันมาใช้การไกล่เกลี่ยแทน เขาได้ทำการตรวจสอบประวัติโฉนดที่ดินอย่างละเอียด และในวันที่ 19 ต.ค. 2567 ได้เดินทางไปสอบถามปัญหากับพระพยอมโดยตรง
ทนายอนันต์ชัยระบุว่า หลังจากเจรจากับเจ้าของเดิมของที่ดินและทำการประนีประนอมกัน ทางวัดสวนแก้วต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวน 1.9 ล้านบาท โดยสามารถผ่อนชำระได้ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดข้อพิพาทที่ดินกล้วยแขกที่ยืดเยื้อมานาน ทางวัดจะทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ เพื่อแสดงถึงการปิดตำนานที่ดินแปลงนี้อย่างเป็นทางการ
พระพยอมชี้แจงว่าพื้นที่เดิมของวัดสวนแก้วเป็นเพียงวัดร้างที่มีที่ดินแค่ 3 ไร่ เมื่อท่านเข้ามาดูแล จึงได้ทยอยซื้อที่ดินเพิ่มเติมจนมีที่ดินในครอบครองกว่า 300 ไร่ ใช้สำหรับปลูกสวนและทำประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม พระพยอมยืนยันว่าโฉนดที่ดินแปลงนี้มีความสำคัญเนื่องจากเป็นที่ดินที่เคยเป็นของอาจารย์พระผู้มีคุณต่อท่าน ทั้งนี้ ท่านยังได้ซื้อที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมายและบริสุทธิ์ใจในการถือครองมาตลอด แต่เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้น การฟ้องร้องในศาลทำให้ต้องคืนที่ดินแปลงนี้กลับไปให้กับเจ้าของเดิม
พระพยอม กล่าวทิ้งท้ายว่า รู้สึกยินดีและปลื้มใจที่ปัญหาข้อพิพาททั้งหมดสามารถจบลงได้อย่างสันติ ท่านกล่าวว่าในอดีตมีหลายท่านที่ต้องการบริจาคเงินจำนวนมากให้วัด แต่ท่านไม่เคยรับเงินบริจาคดังกล่าว อย่างไรก็ตามในตอนนี้หากมีผู้ต้องการร่วมทำบุญ ท่านพร้อมรับบริจาคเพื่อนำไปชำระค่าเสียหายที่ค้างอยู่ และท่านยังขอเชิญชวนญาติโยมให้ร่วมบริจาคกับผ้าป่าปลดล็อกแผ่นดินนี้ เพื่อให้ทางวัดสามารถใช้เงินที่ได้รับไปบำเพ็ญประโยชน์ต่อไป
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี