พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมนายอะฮ์มัด ฟะฮ์มี บิน อะห์มัดซาร์กาวี กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา และคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมเรือนจำนราธิวาส เพื่อเน้นย้ำเรื่องมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกศาสนาอย่างถูกต้อง เสมอภาคและเท่าเทียมกันหลังจากที่มีสื่อโซเชียลประเทศมาเลเซีย ได้วิพากษณ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ กรณีควบคุมตัว นางสาววันโนรซาฮีดาอัชลิน บินตี วันอิสมาอีล นักร้องดังมาเลเซียขวัญใจวัยรุ่น เจ้าของผลงานเพลงแบซอบาซอ หรือแปลเป็นไปยว่า ใจเย็นๆ ที่ถูกจับกุมพร้อมพวกและยาบ้า จำนวน 6,060 เม็ด ที่ห้องพักโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 1 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ที่อยู่ในระหว่างพิจารณาคดี
โดย พ.ต.อ.ทวี และกงสุลมาเลย์ ได้มีการพูดคุยกับนักร้องดังชาวมาเลย์และผู้ต้องขังหญิงชาวมาเลเซีย รวม 7 คน ที่ถูกคุมขังด้วยคดี พ.ร.บ.ยาเสพติด รวมทั้งได้เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังชายชาวมาเลเซีย จำนวน 27 คน ที่ถูกคุมขังคดี พ.ร.บ.ยาเสพติด ซึ่งผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงชาวมาเลเซีย ต่างให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำนราธิวาส ให้การดูแลอย่างเสมอภาค มีการปฏิบัติถูกต้องตามหลักของศาสนา ทั้งอาหารการกิน การประกอบพิธ๊ละหมาด รวมทั้งเรือนนอนที่ถูกหลักอนามัย
ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้ถือโอกาสเดินทางไปแดน 8 ผู้ต้องขังหญิง เพื่อกล่าวพบปะให้กำลังใจพอสรุปใจความว่า คนที่ก้าวพลาดที่ต้องการ คืออยากให้ทุกคนมองเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และขอพื้นที่ในสังคม การให้โอกาส คือการให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราจึงพยายามให้โอกาสด้านการศึกษา ที่ถือว่าจะเปลี่ยนชีวิตสิ่งสำคัญ คือการศึกษา ถ้าคนเราขาดโอกาสทางการศึกษา ย่อมเสี่ยงต่อการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดี อย่างน้อยคนที่อยู่ในเรือนจำต้องได้รับการศึกษาตามอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่เหมาะสม เพราะทุกคนควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในฐานะที่เป็นประชาชนของประเทศไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ผมจะผลัดดันให้เกิดเป็นรูปประธรรม อย่างน้อยผู้ต้องขังทุกคนต้องจบชั้นมัธยมปลาย
ซึ่งก่อนเดินทางกลับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าวันนี้เนื่องจากมีผู้ต้องราชทัณฑ์ชาวมาเลเซียที่ถูกจับกุมเมื่อประมาณ 10 วัน และเนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศมาเลเซีย ซึ่งประชาชนชาวมาเลเซียมีความห่วงใยและเป็นกังวลและเป็นห่วงว่าระบบความยุติธรรมในประเทศไทย ซึ่งอยากจะนำเรียนว่าได้พาทางกงสุลใหญ่มาเลยเซียประจำจังหวัดสงขลาเข้ามาดูว่าในเรือนจำแห่งนี้ โดยเฉพาะเรือนจำประจำจังหวัดนราธิวาสเป็นเขตที่ติดกับประเทศมาเลเซียมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เป็นชาวมาเลเซียประมาณ 31 คน เป็นผู้ชายจำนวน 27 คน และเป็นผู้หญิง 7 คน และใน 7 คนก็มีนักร้องนักดนตรีที่คนมาเลเซียติดตามอยู่ ซึ่งก็ได้ติดต่อกับเอกอัครราชทูตโดยให้ทางกงสุลใหญ่ประจำจังหวัดสงขลากับคณะได้เข้าไปดูยังสถานที่จริงโดยได้พบปะกับผู้ต้องขังชาวมาเลเซียทั้ง 31 คน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยได้เข้าไปดูที่นอน ซึ่งเป็นการเปิดให้เข้าไปดูโดยไม่มีการเตรียมกันมาก่อน และท่านก็ได้ขอบคุณทางรัฐบาลไทยที่ให้เกียรติและดูแลผู้ต้องราชทัณฑ์อย่างมีสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินซึ่งเป็นอาหารฮาลาลที่มีผู้ปรุงอาหารเป็นมุสลิม รวมถึงความเป็นอยู่ และการประกอบศาสนกิจกิจกรรมต่างๆ ซึ่งพอได้ดูแล้วมีความพึงพอใจมาก
ขณะที่ นายอะฮ์มัด ฟะฮ์มี บิน อะห์มัดซาร์กาวี กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้ต้องขังชาวมาเลเซีย ซึ่งทุกคนมีความพึงพอใจในเรื่องของการบริการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่นอน และการบริการทางด้านของสุขภาพ ทุกคนได้รับสิทธิเท่าเทียมกับผู้ต้องขังที่เป็นคนไทย โดยไม่มีการร้องเรียนปัญหาใดๆ และทางกงสุลมาเลเซียก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการที่จะมาดูแลผู้ต้องขังที่เป็นชาวมาเลเซีย และมีแผนที่จะเข้ามาร่วมกันละศีลอดพร้อมกันในเดือยรอมฎอนที่ใกล้จะถึงนี้ และจะนำหนังสือที่ชาวมาเลเซียเรียกร้องที่อยากจะได้หนังสือไว้อ่านในช่วงระหว่างคุมขังณ ที่แห่งนี้ นอกจากนี้ยังขอขอบคุณทางรัฐบาลไทยที่ช่วยดูแลผู้ต้องขังชาวมาเลเซียทุกคนเป็นอย่างดีที่อยู่ในเรือนจำแห่งนี้และเรือนจำอื่นๆอีกด้วย
ภาพ-ข่าว นราธิวาส/ข่าว-ซาการียา ดอเลาะ