“ปวีณา” พา นรต. ศึกษาดูงานเรือนจำธัญบุรี และ สพฐ. - ThaiReference | อาสาไทยยืนยัน
“ปวีณา” พา นรต. ศึกษาดูงานเรือนจำธัญบุรี และ สพฐ.

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้พานักเรียนนายร้อยตำรวจไปศึกษาดูงานกับหน่วยราชการ 2 แห่ง ช่วงเช้า 10.00 -12.00 น. นางปวีณา และนางสาวสมปรารถนา นาวงษ์ ผู้บริหารเพจอีจัน พร้อมด้วย นักเรียนนายร้อยตำรวจ ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 79 จำนวน 30 นาย เดินทางไปที่เรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยมี นายธิตินัย พาติกบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำธัญบุรี ให้การต้อนรับพร้อมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับภารกิจหน้าที่ในการดูแลผู้ต้องขัง 2,100 กว่าคน และการพัฒนาหน่วยงาน การฝึกอาชีพผู้ต้องขัง และให้ผู้ต้องขังทำงาน เช่น ทำงานที่ร้านอาหาร “มัลดีฟคาเฟ่” ซึ่งเปิดบริการให้กับประชาชนที่มาเยี่ยมญาติและประชาชนจากภายนอกด้วย กำไรที่ได้ 70% จะปันผลให้กับผู้ต้องขัง และผู้ต้องขัง ฝึกอาชีพทำผลิตภัณฑ์งานไม้และอื่นๆ เมื่อสร้างรายได้ก็จะมีเงินปันผลให้เช่นกันเพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้ต้องขังทุกคนออกไปใช้ชีวิตข้างนอกและสามารถทำอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้หลังพ้นโทษ

อีกทั้งมีบริการเปิดให้เยี่ยมญาติในวันอาทิตย์ 8.00-15.30 น และเปิดเยี่ยมญาติผ่านไลน์เดือนละ 4 ครั้ง โดยให้มีการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อใหญาติประหยัดเวลาและไม่ต้องเสียค่าเดินทาง และการเปิดบัญชีให้ผู้ต้องขัง โดยญาติสามารถฝากเงินเข้าบัญชีให้ผู้ต้องขังและเบิกจ่ายได้วันละไม่เกิน 500 บาท เวลาใช้จ่ายเป็นการสแกนนิ้วมือโดยไม่ต้องถือเงินสด

จากนั้น นายธิตินัย พาติกบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำธัญบุรี ได้พา นักเรียนนายร้อยตำรวจทั้ง 30 นาย เข้าไปดูภายในเรือนจำธัญบุรี บริเวณสถานที่ฝึกอาชีพของผู้ต้องขัง ห้องคอนเฟอร์เรนซ์ ห้องพยาบาล และโรงครัว ก่อนจะพานางปวีณา นางสาวสมปรารถนา นาวงษ์ ผู้บริหารเพจอีจัน และนักเรียนนายร้อยตำรวจทุกคนร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านมัลดีฟคาเฟ่ พร้อมฟังเพลงเพราะๆบรรยากาศชิลล์ ๆ อาหารอร่อยๆ

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวขอบคุณ นายธิตินัย พาติกบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำธัญบุรี และเจ้าหน้าที่เรือนจำธัญบุรีทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับและให้ความรู้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจ การมาศึกษาดูงานในวันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งจะได้เห็นว่าคนที่ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้วเข้ามาสู่เรือนจำจะอยู่กันยังไง ถือเป็นเรื่องที่ดีที่นักเรียนนายร้อยตำรวจทั้ง 30 นายที่มาในวันนี้จะได้นำความรู้และประสบการณ์ไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังและนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์เมื่อเรียนจบการศึกษา

ช่วงบ่าย นางปวีณา พานักเรียนนายร้อยตำรวจ 30 นายเดินทางต่อไปศึกษาดูงานที่สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. ให้การต้อนรับ โดยมี ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. ให้การต้อนรับและบรรยายให้ความรู้นักเรียนนายร้อยตำรวจเกี่ยวกับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีอัตรากำลังอยู่ประมาณ 9 แสนคนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นในส่วนของสพฐ. 5 แสนคน และภารกิจหน้าที่ของ สพฐ. ในการดูแลเด็กนักเรียน 6.6 ล้านคนทั่วประเทศตามนโยบายของ พล.ต.ต.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ และการทำงานบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และการทำงานช่วยเหลือเด็กนักเรียนร่วมหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะมูลนิธิปวีณาฯ ที่มีประชาชนร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือมาเป็นจำนวนมาก

ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า วันนี้ ว่าที่ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ตั้งใจจะมาให้การต้อนรับและบรรยายให้ความรู้กลับนักเรียนนายร้อยตำรวจด้วยตนเอง แต่เนื่องจากท่านติดภารกิจกับท่านรัฐมนตรีจึงมาไม่ได้ หวังว่าการมาศึกษาดูงานของน้องๆ นักเรียนนายร้อยตำรวจในวันนี้จะได้รับความรู้และนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานในอนาคตต่อไป

นางปวีณา กล่าวว่า ขอบคุณ ว่าที่ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. ที่ให้โอกาสนักเรียนนายร้อยตำรวจได้มาศึกษาดูงานวันนี้ ซึ่ง สพฐ. มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบูรณาการทำงานร่วมกับตำรวจและมูลนิธิปวีณาฯ ในการช่วยเหลือเคสที่เป็นเด็กนักเรียนและเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในโรงเรียน โดยเฉพาะดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ มาช้านาน เวลามีเคสอะไรจะลงพื้นที่แก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือเด็กนักเรียนไม่รู้ร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ทันที ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับเรื่องและสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้รวดเร็ว กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงหลักของประเทศ เพราะเด็กเยาวชนเป็นอนาคตของชาติ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาในการทำงานทุกท่านด้วย

สำหรับนักเรียนนายร้อยตำรวจ ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 79 จำนวน 30 นาย ได้เข้ามาศึกษาดูงานมูลนิธิปวีณาฯ ตามโครงการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลักสูตรสัมผัสปัญหาชุมชน รุ่นที่ 28 ปีการศึกษา 2567 ระหว่างวันที่ 27 ส.ค. – 10 ก.ย.67 รวม 15 วัน เพื่อให้ได้รับทราบถึงปัญหาสังคม เกิดจิตสำนึกในการปฏิบัติหน้าที่ และสามารถแก้ไขปัญหาได้เมื่อสำเร็จออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในอนาคต.

ภาพ-ข่าว THAIREFERENCE

Share This