หลวงพี่น้ำฝน แจงคลิปชายกระโดดถีบพระปีนเสา รับเป็นลูกศิษย์จริงแต่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของวัด มีเพียงเฮียยุทธคนเดียว ที่เป็นคนขับรถไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 เนื่องจากจะไปรอพบแต่มีภารกิจยกเลิกกระทันหันไม่ได้แจ้ง ตอนนี้สั่งการให้ติดตามตัวนายแขก เข้าไปพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน. บางเขน ย้ำชัดลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ยืนยันขอโทษช่อง 8 หลังลูกศิษย์ไปก่อเหตุไม่เหมาะสม ทั้งนี้จากการสอบสวนคนในเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อเช้า พบว่าเกิดจากการบันดาลโทสะ ที่นั่งดูคลิปรายการสด พระปีนเสา พาดพิงอาจารย์หลายเรื่อง ขณะเฮียยุทธแจ้งตัวเองถูกพักงานจากวัดไผ่ล้อมไม่มีกำหนด ส่วนนายแขกตอนนี้ยังไม่สามารถติดตามตัวได้ แต่รับปากจะไปมอบตัวแน่นอน
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ชายสวมหมวกสีแดงกระโดดถีบ พระครูปลัดธีรธนัช เมตตฺตธมฺโม หรือพระครูปลัดธีระฯ ซึ่งมีชื่อเรียกติดปากว่า “พระปีนเสา” ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานบริษัทอาร์เอส จำกัด(มหาชน) หลังจากไปออกรายการที่ช่อง 8 และกำลังจะลงมาขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรอรับ ต่อมาภาพกล้องวงจรปิดสามารถจับชายที่ก่อเหตุ ซึ่งได้เดินออกไปจากหน้าอาคาร และรถกระบะสี่ประตูสีบรอนเงิน ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 1777 นครปฐม ซึ่งมีภาพชายคนขับรถ ทราบชื่อต่อมาคือเฮียยุทธ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝน ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
โดยวันนี้ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามความเคลื่อนไหวดังกล่าว หลังจากพระปีนเสา ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางเขน ท้องที่ที่เกิดเหตุ โดยระบุว่า ชายคนที่ก่อเหตุเป็นลูกศิษย์จริงซึ่งเคยได้มาบวชพระที่วัดไผ่ล้อม แต่ไม่ได้ทำงานในวัด คนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดคือเฮียยุทธ คนที่ปรากฏภาพขับรถกระบะดังกล่าวเข้าออกในบริษัทอาร์เอส ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย โดยหลังจากที่มีภาพข่าวปรากฏ และได้ดูข้อมูลเมื่อเมื่อเช้านี้ ได้เรียก เฮียยุทธ เข้ามาสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ตักเตือนสั่งการเข้มห้ามเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก เนื่องจากเป็นการกระทำที่ใช้อารมณ์โดยไม่มีเหตุผล
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า อาตมาภาพเมื่อได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้วได้ให้ทนายความประสานไปยังสถานีตำรวจนครบาลบางเขนแล้ว เพื่อที่จะนัดหมายให้มีการนำตัวนายแขก เฮียยุทธ เข้าไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบอกว่าลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับผิด เมื่อเขาไปแจ้งความแล้วก็ต้องเข้าไปสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งในเหตุการณ์มีเพียงเฮียยุทธคนเดียวที่ทำงานอยู่ที่วัดไผ่ล้อม ส่วนนายแขก ไม่ได้มาทำงานที่วัดไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่วัดมาก่อน
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อไปว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นเพราะเฮียยุทธได้ออกไปรับงานอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว และทราบว่าอาตมาจะเดินทางไปพบกับพระปีนเสา ที่นั่น แต่ปรากฏว่ารอเอกสารจากอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งยังไม่ได้รับจนกระทั่งเวลาล่วงเลยที่พระปีนเสาได้ไปออกอากาศจบสิ้น จึงไม่ได้ไป และไม่ได้บอกกับเฮียยุทธเอาไว้ว่ายกเลิกภารกิจที่จะเข้าไปแล้ว แต่ระหว่างนั้นเฮียยุทธได้ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟและนั่งดูคลิปรายการสด โดยมีแขกนั่งอยู่ด้วย ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่าเกิดการบันดาลโทสะเนื่องจาก พระปีนเสาได้พูดพาดพิงถึงอาตมาหลายเรื่อง และได้ก่อเหตุเองโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน กระทั่งมีนักข่าวโทรมาถามถึงทะเบียนรถว่าเป็นของอาตมาหรือไม่ก็แจ้งไปว่าใช่เค้าจึงได้แจ้งว่ามีการก่อเหตุกระโดดถีบพระปีนเสา
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้อาตมาได้ทำการสั่งสอนทั้งคู่ไปแล้วว่าทำอะไรไม่ควรใช้โทสะเป็นที่ตั้ง ซึ่งอาตมาเองก็เคยได้พูดกับพระปีนเสาหลายรอบ จะรู้ว่าเวลาท่านพูดอะไรมักจะทำให้คนที่รับฟังเกิดอารมณ์ ซึ่งอาตมาเข้าใจและรู้ว่าจะต้องระงับความโกรธได้อย่างไร ส่วนลูกศิษย์เมื่อได้ฟังบ่อยบ่อยเข้าก็เกิดมีอารมณ์แต่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะเวลาท่านพูดท่านจะกวนอยู่ตลอดเวลาทำให้เราเกิดอารมณ์ได้
“กรณีนี้อาตมาได้สอนลูกศิษย์และเจ้าหน้าที่ภายในวัดทุกคนหลังเกิดเหตุ ว่าเวลาทำอะไรอย่าใช้อารมณ์ มุมหนึ่งก็เข้าใจว่าลูกศิษย์ลูกลูกหาที่รักเราพอฟังแล้ว ก็เกิดอารมณ์แต่พอเกิดปัญหาขึ้นแล้วก็ได้อธิบายว่าผลจะเป็นอย่างไร และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการรุมทำร้ายซึ่งมีบางสำนักเขียนข่าวว่าเป็นชายสามคนบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายพระปีนเสา แต่ภาพที่ทุกคนได้เห็นคือมีนายแขกคนเดียวที่เข้าไปกระโดดถีบหลังพระปีนเสาซึ่งเรื่องนี้ได้ตักเตือนอย่างหนักและกำชับให้ชัดเจนว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก และต้องขอโทษทางสถานีช่อง 8 ด้วยที่ลูกศิษย์ของอาตมาไปก่อเหตุไม่สมควรแบบนั้น” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว
ส่วนในกรณีของพระปีนเสา ที่ยังไม่ยุตติพฤติกรรมแปลกแปลก หลวงพี่น้ำฝนมองว่า มีคนถามว่าประเด็นนี้พระปีนเสาจะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ในส่วนตัวของอาตมาคิดว่าไม่น่าจะมีใครเค้าน่าจะคิดเองของเค้าคนเดียวซึ่งหากใครที่คิดจะเข้าไปสนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลังก็ควรจะต้องไปเช็คสมองด้วย ที่สำคัญที่สุดอาตมามองว่าตัวท่านเองไปก้าวร่วมกับศาสนาอื่นซึ่ง เป็นเหตุไม่สมควรอย่างยิ่ง จะไปก้าวล่วงศาสนานั้นศาสนานี้เป็นการไม่เหมาะสมกฎของสงฆ์ก็มีอยู่แล้วเรามาทำศาสนาของเราให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า และที่สำคัญเหมือนกับคุณกันจอมพลัง ได้พูดไว้คือปัญหาที่เกิดขึ้นก็เกิดจากปากของท่านเอง ซึ่งยิ่งท่านพูดไปปัญหาอื่นก็ยิ่งเกิดขึ้น เราเป็นพระสงฆ์ก็ควรอยู่ในกฎระเบียบและกติกาของคณะสงฆ์เรามีพระสังฆธิการในการปกครองดูแลตามลำดับชั้น และท่านเรียกแขกมาด้วยปากของท่านเอง แล้วก็เกิดอารมและคนฟังเขาฟังแล้วก็เกิดจากอารมชั่ววูบของแต่ละคน
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พยายามขอประสาน ไปยังเฮียยุทธ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อม ปรากฏว่าไม่พร้อมให้สัมภาษณ์บอกเพียงสั้นๆ ว่าเกิดความเครียด ที่ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ซึ่งตอนนี้หลวงพี่น้ำฝนได้มีการสั่งการให้พักงานโดยไม่มีกำหนด และให้ไปสะสางปัญหาของตัวเองให้จบเสียก่อน และจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้ทำงานในตำแหน่งใดหรือได้ทำงานอีกหรือไม่ในวัดไผ่ล้อม โดยก็ไม่คาดคิดว่า นายแขก ที่เดินอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วยกันจะตรงดิ่งไปกระทำแบบนั้น ส่วนนายแขกคนก่อเหตุผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถพบตัวหรือหาเบอร์ติดต่อได้
ภาพ-ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล จ.นครปฐม