พล.ท. กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ปี 2568 ที่เน้นย้ำให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานอย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว นั้น ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองปี 2568 โดยจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี และนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารบก กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก
และเตรียมตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ที่กองพลทหารราบที่ 7 ซึ่งศูนย์อำนวยการฯส่วนหน้านี้ จะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 30 เมษายน 2568 เพื่อวางแผน อำนวยการ บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเฝ้าระวัง ติดตามประเมินสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และร่วมกันดับไฟป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อระหว่างจังหวัด จนถึงเขตรอยต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และพื้นที่เปราะบาง รวมถึงประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ผลกระทบไฟป่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ประกอบกับการจัดกำลังเฝ้าระวังพื้นที่ ซึ่งมีหน่วยทหารรับผิดชอบจำนวน 15 หน่วยโดยมีการบูรณาการอากาศยานจากทุกภาคส่วน จำนวน 30 เครื่อง
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวต่อว่า ในปีกองทัพภาคที่ 3 จะใช้ประโยชน์จากการฝึกตามวงรอบประจำปีโดยปรับการฝึกใช้พื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และพื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก เพื่อลาดตระเวนป้องปรามในพื้นที่ และใช้กลไกรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหาร ในการประสานการปฏิบัติในพื้นที่รับผิดชอบ 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่สำคัญจะนำจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 สนับสนุนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม กองทัพภาที่ 3 ยังคงขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันข้ามแดนระหว่างประเทศผ่านทางคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ไทย-เมียนมา RBC และ TBC เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด