พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ อสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ประจำตำบลพระปฐมเจดีย์ ในการขอสนับสนุนขอรับบริจาคเตียงและเครื่องใช้สำหรับผู้พิการในโครงการธนาคารเตียง รถวีลแชร์ มูลนิธิหลวงพ่อพูลวัดไผ่ล้อม ให้กับอดีตสมาชิก อสม.ซึ่งเคยทำงานประสานงานด้านสุขภาพให้กับชุมชนแต่ปัจจุบันเพิ่งถูกตัดขาเนื่องจากเคยประสบอุบัติเหตุและมีโรคเบาหวานแทรกซ้อนทำให้เกิดแผลติดเชื้อ โดยมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิตเนื่องจากมีลูกหลานอาศัยอยู่รวมกัน 7 คนในบ้านหลังเดียว
โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้นำเจ้าหน้าที่ทำเตียงและเครื่องยังชีพไปพบกับ นางพรพิมล เกษรังสี อายุ51 ปี ภายในบ้านเลขที่ 214 ถ.ราชดำเนิน ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยพบว่า ที่ขวาข้างขวาถูกตัดขาดจนถึงต้นขา ส่วน ขาข้างซ้ายมีอาการอ่อนแรง ต้องนอนใช้ชีวิตบนเตียงเป็นส่วนใหญ่ โดยในบ้านมีสมาชิกในครอบครัวถึง 7 ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกัน ซึ่งมีลูกสาว 1 คนพิการไม่สามารถเดินได้อาศัยอยู่ร่วมกัน
นางพรพิมล เล่าให้ฟังว่า เดิมทีตนเองยังสามารถทำงานเลี้ยงลูกหลานได้ ซึ่งเมื่อ 10 ปี ก่อนสามีได้เสียชีวิตไปเนื่องจากมีเลือดอกในกะเพาะอาหารและชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อประสบอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์พุ่งชน ทำให้ต้องเสริมเหล็กเพื่อยึดติดกับกระดูก ยังมีโรคเบาหวาน ความดันตามวัยที่มากขึ้น แต่ไม่นานมานี้ไม่สามารถควบคุมน้ำตาลได้ และมีแผลที่ขาทำให้เกิดการติดเชื้อทีมแพทย์ต้องมีการตัดขาขวาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ เมื่อกลับมาพักที่บ้านก็ไม่ใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยจำเป็นต้องมีการใช้เตียงสำหรับผู้ป่วยเพื่อสามารถพลิกตัวและให้ยาได้ง่าย เมื่อทราบจากเจ้าหน้าที่ อสม.ที่รู้จักกันว่าประสานขอเตียงจาก หลวงพี่น้ำฝน มาได้ก็รู้สึกดีใจมากเพราะตอนนี้ลำบากเพราะมีลูกสาวอีกคนทำงานเพื่อดูแลคนในครอบครัวทั้งหมด ไม่สามารถจัดหาซื้อเตียงมาได้เอง
ขณะที่หลวงพี่น้ำฝน ได้ทำการสอบถามและเยี่ยมให้กำลังใจ พบว่า นางสาวพรยุพา เสถียรพานิช อายุ 27 ปี บุตรสาวของนางพรพิมล มีความพิการขาลีบทั้ง 2 ข้างต้องเคลื่อนตัวด้วยวิธีการพยุงร่างกายด้วยแขนทั้ง 2 ข้าง และไม่สามารถทำงานได้ ต้องอาศัยอยู่ร่วมกันกับแม่ในบ้านพักที่มีสถานที่จำกัด โดยหลวงพี่น้ำฝน ได้เตรียมประสานงานกับโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อเตรียมให้ลงพื้นที่สำรวจการดูแลสุขภาพสำหรับทั้ง 2 คนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้โดยไม่เป็นภาระของคนในบ้านมากนัก
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า สำหรับกรณีของนางพรพิมล และครอบครัว ถึงแม้นว่าจะอยู่ในพื้นที่กลางเมืองแต่ก็ประสบปัญหามีคนพิการและสูงอายุ อยู่ในบ้านถึง 2 คนและยังมีคนที่หารายได้หลักเพียงคนเดียว ในการดูแลทั้ง 7 ชีวิตในครอบครัวถือว่าสาหัสพอควร การที่วัดไผ่ล้อมได้เข้ามาดูแลเคสนี้เป็นเพราะเห็นถึงความลำบากของครอบครัว ซึ่งการจัดหาเตียงผู้ป่วยในโครงการธนาคารเตียงและรถวีลแชร์นั้นถือว่ามีการดำเนินการที่ต่อเนื่องเป็นรูปธรรมและสามารถบรรเทาทุกข์ของญาติโยมได้อย่างชัดเจน ซึ่งวัดไผ่ล้อมมีการดำเนินการเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ตามแนวทางหลัก บวร คือบ้าน วัด โรงเรียน ต้องมีการประสานงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความสุขร่วมกันในสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งกรณีครอบครัวนี้ได้ประสานงานกับนพ.สุรชัย โชคครรชิตไชย ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อประสานทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่มาทำงานร่วมกันเพื่อชุมชนและสังคมต่อไป