นายทวี แพใหญ่ นายกสมาคมประมงจังหวัดพังงา พร้อมด้วยนายมนัสศักดิ์ ยวนแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้านน้ำเค็ม และนายวรวุฒิ ชัยธนะวิวรรธ ผู้ช่วย สส.ฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล พรรคประชาชน ภูเก็ตเขต 3 ได้ลงพื้นที่บ้านน้ำเค็มหมู่ที่ 2 ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อติดตามและให้กำลังใจกับญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือประมงไทยถูกเรือทหารพม่ายิงมีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีคนไทยจมน้ำเสียชีวิต 1 รายส่วนลูกเรืออีก 31 ชีวิต เรือ ส.เจริญชัย 8 ถูกทหารพม่าจับกุมซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นไร ทำให้ญาติที่อยู่ของประเทศไทยรู้สึกเป็นห่วงเพราะขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกันได้จึงต้องการให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการเร่งประสานงานระหว่างประเทศให้นำคนที่ถูกจับกลับมายังประเทศไทย
นายทวี แพใหญ่กล่าวว่า นายกสมาคมประมงจังหวัดพังงา กล่าวว่า ทางชาวประมงจังหวัดพังงาได้รับความเดือดร้อนหลังจากเรือประมงในจังหวัดพังงา ถูกพม่าจับซึ่งตอนนี้หลังจากเกิดเหตุมีชาวประมงจำนวน 1 รายเสียชีวิตและลูกเรือจำนวน 31 คนถูกจับจึงอยากฝากถึงรัฐบาลช่วยในการดำเนินนำตัวลูกเรือที่ถูกจับกลับมายังประเทศไทยซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคนที่ถูกจับไปจะเป็นอย่างไรบ้างทำให้ญาติพี่น้องรู้สึกเป็นห่วง ซึ่งการประชุมประมงทุกครั้งได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงที่ทำประมงในทะเลต้องจับปลาในทะเลฝั่งน่านน้ำประเทศไทยเพราะปลาในประเทศไทยก็ยังมีจำนวนมากสามารถประกอบอาชีพได้ซึ่งหลังจากนี้ทางสมาคมประมงจะทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือลูกเรือ 31 คนกลับมายังประเทศไทยต่อไป
นายวรวุฒิ ชัยธนะวิวรรธ ผู้ช่วย สส.ฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล พรรคประชาชน ภูเก็ตเขต 3 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการยื่นเรื่องเข้าคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและปฏิรูปประเทศ โดยมี สส. รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ซึ่งการยื่นหนังสือในครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือลูกเรือจำนวน 31 คนกลับมายังประเทศไทยให้ได้โดยเร็ว โดยจากการลงพื้นที่ได้สอบถามจากผู้เสียหายและได้สอบถามจากไต๋เรือหลายคนได้เข้าไปหาปลาในเขตที่ไม่ได้รุกล้ำชายแดน ซึ่งตนเองและทางสมาคมประมงจะยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและปฏิรูปประเทศ โดยในเบื้องต้นจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายเพื่อที่จะยื่นให้กับคณะกรรมการความมั่นคงในการสะสางปัญหาและข้อสงสัยทุกประเด็น โดยมองว่าทางรัฐมนตรีกลาโหมไม่สมควรออกมาพูดว่าทางเรารุกล้ำแนวเขตน่านน้ำประเทศพม่า โดยชาวประมงทราบกันดีว่าเรือประมงทุกลำจะมีเครื่อง VMS แจ้งเตือนอยู่แล้วเวลาเรือที่รุกล้ำไปในแนวเขตอุทยานและน่านน้ำที่เข้าไปไม่ได้ โดยไต๋เรือทุกลำยืนยันมาแล้วว่าไม่มีเรือลำไหนเข้าไปทำการประมงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งจากการสอบถามชาวประมงเรื่องที่เป็นไปได้ก็น่าจะเป็นพื้นที่พิพาทที่ไม่ชัดเจนว่าทางเราได้ลุกล้ำหรือไม่ ตนเองคิดว่าจากกรณีที่ทหารพม่าใช้อาวุธปืนยิงเรือประมงไทยซึ่งยิงเข้าห้องโดยสารเรือจนทำให้ไต๋เรือเกือบเอาชีวิตไม่รอดซึ่งมองว่าทหารพม่าทำเกินกว่าเหตุ แม้ว่าทหารไทยกับทหารพม่าได้มีความสัมพันธ์อันดีกัน และนอกจากนี้ทางชาวประมงที่ต้องสูญเสียลูกชายไปและลูกเรือประมงถูกจับพร้อมลูกเรือ 31 คน โดยต้องการให้รัฐมนตรีกลาโหมเร่งนำชาวประมง 31 คนกลับมาประเทศไทยโดยเร็ว
ทางด้านนายชัยธวัฒน์ วิวัฒน์ อายุ 67ปี เป็นพี่ชายนายสมปอง วิวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่าน้องชายโดนจับไปเมื่อช่วง 2 ถึง 3 วันตนเองรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากทำให้นอนไม่หลับได้แต่คิดอยู่เรื่อยๆเพราะน้องชายตนเองไม่สบายป่วยเป็นโรคหัวใจ เพราะตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าได้รับประทานยาหรือเปล่าเพราะไม่สามารถติดต่อได้ จึงฝากถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเจรจาเพื่อนำคนไทย 4 คนและลูกเรือ 27 คนกลับมายังประเทศอย่างปลอดภัย ซึ่งน้องชายตนเองประกอบอาชีพการทำประมงไม่ต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งหลังจากเกิดเหตุก็ได้ติดต่อน้องชายผ่านโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงน้องชายจึงอยากให้กลับมายังประเทศไทยโดยเอง ปกติน้องชายเป็นคนนิสัยดีเพราะเหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบและจะไม่สุงสิงกับใครทำแต่งานนอนอยู่บนเรือ ด้วยความที่พี่ชายเป็นห่วงได้จุดธูปเทียนขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือน้องชายที่ถูกทหารพม่าจับกลับมายังประเทศไทยให้ได้โดยเร็วแม้ว่าความหวังในครั้งนี้จะนานหรือช้าก็ยังรอน้องชายกลับมา