Statistiche web
นนทบุรี ผู้เสียหายกว่า 10 ราย ถูก 3 วัยรุ่น หลอกซื้อรถติดไฟแนนซ์ บิดค่างวดรถ ก่อนนำไปขายส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน

นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย ผู้ก่อตั้งเพจ “นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายกว่า 10 ราย เนื่องจากถูกนายปิยะภูมิ อายุ 21 ปี นายคุณัชญ์ อายุ 24 ปี และนายนิธิศ อายุ 22 ปี ร่วมกันหลอกตระเวนซื้อรถยนต์และรถจยย. โดยมีการวางเงินดาวน์ แต่ไม่ส่งค่างวดรถตามกำหนด และนำรถไปขายทอดตลาด ส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุยังไม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฏหมาย ใช้ชีวิตปกติและยังมีพฤติกรรมการก่อเหตุซ้ำ ทำให้ผู้เสียหายมาร้องขอความช่วยเหลือเพราะได้รับความเดือดร้อน ถูกไฟแนนซ์ตาม และไม่ได้รถคืน ต่อมากลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกัน เนื่องจากเห็นโพสต์ในเฟสบุ๊กว่านายปิยะภูมิ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ถูกประจานว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกซื้อ-ขายรถ ตามกลุ่มจำนวนหลายกลุ่ม ทางผู้เสียหายได้รวบรวมรถที่โดนนายปิยะภูมิ หลอกไปได้ประมาณ 10 คัน

จากการสอบถาม นางธนพร เล่าว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้ประกาศโพสต์ขายรถกระบะภายในเฟซบุ๊กซึ่งเป็นกลุ่มซื้อ-ขายรถ ได้มีนายปิยะภูมิ ทักข้อความเข้ามาขอนัดเจอและดูรถ บอกว่าจะมารับรถตนที่บ้าน ตนจึงส่งโลเคชั่นให้นัดรับกันที่จังหวัดมหาสารคาม พอมาถึงตนได้ทำเอกสารขายดาวน์ ระบุจำนวนเงิน 55,000 บาท และตกลงกันเรื่องค่างวดรถเรียบร้อย หลังจากที่เขานำรถกลับไปพอถึงเวลาจ่ายค่างวดรถเดือนแรก เขาอ้างว่าเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ตนจึงตัดสินใจเลื่อนให้จำนวน 3 ครั้ง ถ้าผิดนัดครั้งที่ 4 ตนจะไปเอารถกลับคืน เพราะว่าโดนไฟแนนซ์ตาม เขาบอกว่าถ้ามาเอารถคืนเขาจะให้คืนทันทีและไม่เอาเงินดาวน์ที่จ่ายตนไปคืนด้วย

ตนจึงไปตามนัดที่เขานัดจะเอารถมา พอถึงที่นายปิยะภูมิบอกว่าเพื่อนเอารถไปใช้รถไม่อยู่ แล้วเขาผลัดตนมาตลอด ซึ่งตนก็ไปตามนัดเกือบทุกครั้ง พอไปถึงรถไม่อยู่ที่ตัวนายปิยะภูมิเลยซักครั้งเดียว ตนจึงเอะใจและรีบค้นชื่อเขาในเฟซบุ๊ก เห็นว่ามีการโพสต์ประจาน พอเห็นโพสต์เขากลับหายไป ตนจึงต้องตามเอง พยายามตามจากเพื่อนในเฟซบุ๊ก ไปตามหาที่บ้านที่อยู่ปัจจุบันและตามกลับบ้านเกิดของเขา ไปรอบแรกเจอตัว แต่ครั้งต่อมาไม่เคยเจอตัวนายปิยะภูมิเลยสักครั้ง ตนจึงโทรหาเพื่อนนายปิยะภูมิ ว่าให้เขาออกมาไกล่เกลี่ย ถ้ามาคุยกันตนจะไม่เอาเรื่องและไม่แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอนัดเจอกันครั้งสุดท้าย เขาออกมา แต่ไม่ใช่ตัวนายปิยะภูมิ เป็นเพื่อนของเขาเหมือนเดิม ตนจึงหมดความอดทนล็อคตัวไว้และเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ธัญญะ ให้เข้ามาจับกุมตัว ที่สภ.ธัญญะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวเข้าที่ห้องสอบสวน บอกว่าผู้ต้องหายอมรับหมดแต่ว่าทางตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีกับเขาได้ ตนไม่เข้าใจเพราะว่าตนมีเอกสารและหลักฐานทั้งหมด ทั้งภาพนิ่ง สัญญาการซื้อ-ขาย ภาพรถ และคลิปวิดีโอ และยังมีผู้เสียหายที่ตามมาอีกจำนวน 10 กว่าคน แต่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ให้คุยกับผู้ต้องหา และไม่สอบปากคำผู้เสียหาย ปล่อยให้ผู้เสียหายรอตั้งแต่เช้ายันมืด จนปล่อยตัวเพื่อนนายปิยะภูมิกลับ ตนคิดว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการรับส่วยและรับเงิน จากทางพ่อผู้ก่อเหตุ เพราะตนเห็นตอนพ่อเขามาเขานำเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ ตนรู้สึกเสียใจ ที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือและบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้ต้องหา ไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องปล่อยตัวกลับบ้าน ตนจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือผู้เสียหายบ้าง เพราะผู้เสียหายมีจำนวนเยอะหลายลาย    

นายเกรียงไกร เล่าว่า ตนได้รับการติดต่อมาจากนายปิยะภูมิ บอกว่าจะขอขายดาวน์แบบไม่ติดสัญญา เขาได้เสนอเงินดาวน์มาให้ตนจำนวน 10,000 บาท เขาบอกว่าเขาไว้ใจได้ ถ้าขายคนอื่นไว้ใจไม่ได้ นายปิยะภูมิพูดหว่านล้อมตนตลอดเวลา และบอกว่าเขามีธุรกิจ เปิดร้านเหล้าอยู่ที่จ.ปทุมธานี ต้องใช้รถจยย. จึงจะมาขอซื้อที่ตน บอกว่าจะทำสัญญาการซื้อ-ขาย ตนจึงตัดสินใจขาย วันที่นัดรับเขาโอนเงินดาวน์ให้ตน และเขียนสัญญาให้ถ้าตนไม่ไว้ใจสามารถไปลงบันทึกประจำวันได้ที่โรงพัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป หลังจากที่เขาเอารถไป เขาจ่ายค่างวดรถช้า พอถึงกำหนดงวดที่ 3 เขาขาดการติดต่อไป บล็อคเฟซบุ๊ก บล็อคไลน์ ตอนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนั้นตนได้เห็นในกลุ่มว่าเขาถูกประจานในเฟซบุ๊กว่าเป็นมิจฉาชีพ ตนจึงตั้งกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดขึ้นมา และแนะนำทุกคนให้เข้าไปแจ้งความนายปิยะภูมิ ซึ่งพฤติกรรมของเขาหลอกแบบเดียวกัน แต่ตนจะถูกหลอกด้วยคำพูดและตอนมารับรถ เขาขับรถฟอร์ด สีขาว ป้ายแดงติดตราตำรวจ หมายเลขทะเบียน บ 2828 กทม. อีกด้วย

ด้านเสี่ยเป้ บางกรวย กล่าวว่า วันนี้มีตัวแทนผู้เสียหาย จำนวน 10 คน เข้ามาร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกมาซื้อรถ วางเงินดาวน์ แต่นำรถไปส่งขายออกที่ประเทศลาว ตนจะดำเนินเรื่องให้ผู้เสียหายจะพาไปร้องที่ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจยย. ให้ทางเจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้เสียหายทุกคนพร้อมๆกัน พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุมีการทำเอกสารและทำเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ให้เกี่ยวกับคดีอาญา โดยใช้กลอุบาย หลอกเพื่อให้ได้ทรัพย์มาและนำไปขาย ซึ่งรถทั้งหมด 10 กว่าคัน ที่ถูกหลอกจะโดนแบบเดียวกันหมด ทางผู้เสียหายหลายคนเข้าไปแจ้งความ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบางที่ไม่รับแจ้งเพราะใบสัญญาการซื้อ-ขายรถ ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุปลอมแปลงและเป็นสัญญาปลอมเพื่อเลี่ยงคดีอาญา แต่ตนมองว่าไม่รอดเพราะมีผู้เสียหายหลายคน แต่ละคนทรัพย์สินมีราคาแพง ทำให้รวมๆแล้วค่าเสียหายเยอะ ตนมองว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มที่โจรกรรมรถโดยเฉพาะ เพื่อขายข้ามชาติ เพราะทุกคันที่ผู้เสียหายถูกหลอกไป รถไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว มีผู้เสียหายไปตามได้มา 1 คัน ถูกขายไปที่ประเทศลาว ตนคิดว่าจะต้องมีขบวนการผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุอายุยังน้อย จะต้องมีคนจ้างมาทำเรื่องแบบนี้ ตนจะให้กองปราบรีบตรวจสอบให้เร็ว เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ถ้ามีท่านไหนที่โดนกลุ่มนี้หลอกซื้อ-ขายรถไปให้เข้ามาหาตน ตนเชื่อว่ามีคนที่โดนมาก่อนหน้านี้หลายราย เพราะผู้เสียหายที่โดนมีอยู่ทุกจังหวัด

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี

Share This