ที่หอประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนที่จะถึงเวลาเปิดรับสมัคร 08.30 น. จากการที่บรรดาผู้สนับสนุนผู้สมัครแต่ละรายต่างพากันมารอให้กำลังใจอย่างล้นหลาม เบื้องต้นมีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.เชียงใหม่) 2 รายสำคัญที่เดินทางมาถึงก่อนเวลาเปิดรับสมัคร คือ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) ที่ลงสมัครในนามพรรคประชาชน ทำให้เมื่อถึงเวลาเปิดรับสมัครต้องใช้วิธีจับสลากเพื่อให้ได้หมายเลขผู้สมัครที่จะนำไปใช้ในการหาเสียง โดยปรากฏว่านายพันธุ์อาจ ได้หมายเลข 1 และนายพิชัย ได้หมายเลข 2
ขณะที่ในช่วงเวลา 08.49 น.พลตรีพนม ศรีเผือด อดีตหัวหน้าฝ่ายงานข่าว กอ.รมน จังหวัดเชียงใหม่ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เดินทางมาลงชื่อเพื่อยื่นเอกสารสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นรายที่ 3
ด้านนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้สมัครตำแหน่งนายกอบจ.เชียงใหม่ 3 คน แต่ตนก็มั่นใจมากเพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานและทำงานอย่างเต็มที่ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้ประชาชนชาวเชียงใหม่นำไปประกอบการพิจารณาว่าตนควรได้รับความไว้วางใจให้กลับมาเป็น นายก อบจ.เชียงใหม่ สมัยที่ 2 ต่อหรือไม่
นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการนำเสนอผลงานว่าที่ผ่านมาทำงาน มีผลงานอย่างไร ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ ซึ่งการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ครั้งก่อนอดีตนายกฯทักษิณอยู่ต่างประเทศก็ใช้วิธีวิดีโอคอลมาช่วยหาเสียงให้ แต่ครั้งนี้อดีตนายกฯทักษิณจะมาขึ้นเวทีพบปะพี่น้องชาวเชียงใหม่ในทุกอำเภอ เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯทักษิณก็ได้สร้างผลงานไว้มากมายจึงทำให้มีความมั่นใจ ซึ่งครั้งก่อนเคยได้คะแนน 402,179 คะแนน และในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยผลงานที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ชาวเชียงใหม่เห็นเป็นที่ประจักษ์จึงทำให้มั่นใจว่าจะได้คะแนนเลือกตั้งมากแน่นอน เพราะก่อนนั้นในปี 2551-2557 ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ 4 ปีมีการลงพื้นที่ทุกอำเภอ อีกทั้ง ส.อบจ.เชียงใหม่ก็เข้มแข็ง มีจิตอาสาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน
ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 กล่าวต่อว่า ผลงานที่ชัดเจนตลอดการเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ได้มีการสร้างสวนสาธารณะบนที่ดินการรถไฟ โดยขอให้การรถไฟยกพื้นที่ให้อบจ.เชียงใหม่ดูแลและจะมีการพัฒนาต่อไป รวมถึงสวนสาธารณะบริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตนและทีมงานได้พัฒนาให้เป็นสวนอบจ.เชียงใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกายและนันทนาการ ที่สำคัญมีการจัดงาน Charming Chiang Mai ที่ขณะนี้มีคนมาเที่ยวชมสวนดอกไม้กว่า 3 ล้านคน นอกจากนั้นในด้านสาธารณสุขยังมีแนวคิดในการก่อสร้างโรงพยาบาลอบจ.เชียงใหม่ขนาด 200 เตียง โดยมีสถานที่ก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ตนและทีมงานก็พร้อมที่จะเข้ามาสานงานต่อในเรื่องนี้
“การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ผมมั่นใจในตัวเองและทีมงานที่มีผลงานเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าคะแนนไว้ประมาณ 6 แสนคะแนนอยากให้เป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้งท้องถิ่นของอบจ.เชียงใหม่ ส่วนสาเหตุที่ลาออกก่อนครบวาระ ที่มีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งนั้น 9 ล้านบาทนั้น คงใช้จ่ายไม่ถึง เพราะหากเป็นการเลือกตั้งครบวาระค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 33 ล้านบาท แต่การใช้จ่ายต้องมีที่มา ที่ไปของการใช้เงิน ซึ่งการเลือกตั้งไม่ได้ใช้เงินเยอะถึงขนาดนั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งก่อนผมใช้เงินแค่ 4-5 ล้านบาทเอง”นายพิชัยกล่าว
