นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี หนุ่มพนักงานบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนนทบุรี และแสดงหลักฐานข้อความแชทจากแก๊งมิจฉาชีพ หลังจากที่ตนเองมีความจำเป็นที่จะกู้เงิน จำนวน 200,000 บาท จึงได้เปิดเจอแอปธนาคารชื่อดังสาขาพระราม 3 จึงได้ติดต่อไป
ต่อมามีเจ้าหน้าที่ธนาคารแสดงสัญลักษณ์บอกตัวตนว่าชื่อนายจักรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) ส่งรูปบัตรประจำตัวพนักงานธนาคาร ได้ติดต่อกลับมา พร้อมทั้งพูดคุยให้ตนเองหลงเชื่อในการที่จะได้รับความสะดวกในการกู้เงินจำนวนดังกล่าว โดยการให้ส่งเลขที่บัญชีไปให้ ซึ่งตนก็หลงเชื่อ แต่เมื่อส่งเลขที่บัญชีไปให้แล้ว ทางนายจักรินทร์ได้ส่งแชทกลับมาหาตนและแจ้งว่าเลขที่บัญชีของตนไม่ครบส่งขาดไป 1 ตัว จึงไม่สามารถโอนเงิน จำนวน 200,000 บาท ที่ตนจะกู้ไว้ให้ได้ ให้ตนโอนเงินจำนวน 70,000 บาท เป็นการปลดล็อคบัญชีเพื่อตนจะได้เบิกเงินที่กู้ไว้และเงินปลดล็อครวมแล้ว 270,000 บาท ออกไปใช้จ่ายได้ แต่ตนมั่นใจว่าตนได้ส่งเลขที่บัญชีให้ทางนายจักรินทร์ครบถ้วนอย่างแน่นอน อีกทั้งตนก็ไม่มีเงินจำนวน 70,000 บาท ที่จะไปปลดล็อคบัญชีดังกล่าว
จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับร.ต.ท.อุทัย ภาพันธ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี ซึ่งทางตำรวรก็ได้เตือนพร้อมทั้งชี้แจงว่าตนโชคดีเป็นอย่างมากที่ไม่โอนเงินจำนวน 70,000 บาทไป เนื่องจากคนที่ตนกำลังพูดคุยอยู่นั้น มั่นใจได้ว่าเป็นแก๊งมิจฉาชีพที่หลอกอย่างแน่นอน จึงให้ตนอย่าได้ไปสนใจ และอย่ากู้เงินจากแอปพลิเคชั่นต่างๆที่ลงโฆษณาอย่างเด็ดขาด
โดยขณะที่นายเอก (นามสมมุติ) กำลังแจ้งความอยู่ ทางแก๊งมิจฉาชีพก็ส่งแชทมาอย่างต่อเนื่อง พยายามที่จะชักจูงให้โอนเงินไปเมื่อนายเอกอ่านข้อความแล้วไม่ตอบ สร้างความร้อนรุ่มใจให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างยิ่ง จึงได้โทรไลน์เข้ามายังมือถือของนายเอก โดยหน้าโปร์ไฟล์ใช้เป็นรูปตราสัญลักษณ์ธนาคารโชว์หน้าจอ เป็นเวลาเดียวกันกับทางทนายอาสาที่นั่งประจำ สภ.เมืองนนทบุรี ทราบเรื่องดังกล่าว จึงได้พูดคุยต่อว่าไปทางปลายสายแทนนายเอก ขณะที่ผู้สื่อข่าวที่อัดอั้นมานานกับคดีความในลักษณะนี้ที่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความทุกวันๆละนับ 10 คดี ทนไม่ไหว หลอกล่อพูดจากับมิจฉาชีพจนอดที่จะด่ากลับไปไม่ไหว ก่อนที่มิจฉาชีพจะตัดสายทิ้งไป
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี
