เจ้าพนักงานตำรวจทางหลวงภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง.ผบก.ป ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ รอง ผกก.1 บก.ทล,พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง ผกก.1 บก.ทล.
โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.(ลพบุรี) นำโดย พ.ต.ต.พิฆเนศ เตรียมเกิดทรัพย์ สว.ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล., ร.ต.อ.นิพันธ์ อำพันดี, ร.ต.อ.นราวิชญ์ เดชคง รอง สว.ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล., ร.ต.อ.สมโภช แทนขำ รอง สว.(ป) ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล., ด.ต.ถนอม ทองเพชร, ด.ต.ศักดิ์ชัย แสนสุข, ด.ต.อัครเดช เพ็งนวม, ด.ต.มานะ พจนสิทธิ์, จ.ส.ต.ภาณุพงษ์ ต่วนชะเอม ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย พ.ต.ท.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร, ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ด.ต.สมศักดิ์ จันทาทอง, ด.ต.ยศภัทร อินต๊ะ, ด.ต.วิชัย ตามสมัย ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส.
ได้ร่วมกันจับกุมตัว 24 แรงงานต่างด้าว พร้อมของกลาง โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน ผู้ต้องหาที่ 1 กระทำความผิดฐาน ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ผู้ต้องหาที่ 2-24 กระทำความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต สถานที่จับกุม บริเวณ ริมทางสาธารณะ ถนนหมายเลข 2321 หมู่ 7 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ต่อเนื่องบริเวณไร่มันสำปะหลัง หลังวัดหมู่บ้านด่านจันทร์ ม.6 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี
พฤติการณ์แห่งคดี กล่าวคือ โดยการสั่งการและนโยบายของผู้บังคับบัญชา ของ กก.1 บก.ทล. ให้ออกกวดขันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ตลอดจนจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมายอาญา ตลอดจนกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ กก.1 บก.ทล. เจ้าพนักงานตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) และ ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล. พร้อมกำลังรวม 18 นาย พร้อมรถวิทยุตรวจการณ์หมายเลขข้าง 1104, 1134, 1301, 1312, 1315, 1318 ซึ่งตามวันเวลา และสถานที่เกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปิดนาม และประสงค์รับเงินรางวัลนำจับในการแจ้งครั้งนี้) ได้แจ้งว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยได้เดินทางมาจาก อ.ลานหอย จ.สุโขทัย มุ่งหน้าสู่ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา ผ่านทาง จ.ลพบุรี บริเวณถนนหมายเลข 3326 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันตรวจสอบเส้นทางดังกล่าวที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันมาถึงบริเวณถนนหมายเลข 3326 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ขท 2857 กทม. และ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขง 2849 พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นรถตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งจากสายลับขับผ่านมาในลักษณะใช้ความเร็วสูง รถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ขท 2857 กทม. และ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขง 2849 พระนครศรีอยุธยา ได้แยกกันหลบหนีโดยใช้ถนนหมายเลข 2321 มุ่งหน้า อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. บริเวณริมทางสาธารณะ ถนนหมายเลข 2321 หมู่ 7 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันแสดงตัว ให้สัญญาณเพื่อหยุดรถ โดยใช้สัญญาณไฟวับวาบกระพริบสีแดงและออกคำสั่งบังคับผ่านไมโครโฟน เพื่อหยุดรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ขท 2857 กทม. เมื่อรถคันดังกล่าวหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อขอทำการตรวจสอบและตรวจค้น พบ นายจิรยุทธ ทรงตระกูลวงศ์ (ทราบชื่อภายหลัง) ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ โดยมีผู้ต้องหาที่ 2-12 นั่งโดยสารมากับรถยนต์คันดังกล่าว ต่อเนื่องเรื่อยมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขง 2849 พระนครศรีอยุธยา ที่หลบหนีมาบนถนนทางหลวงหมายเลข 2321 ได้ใช้เส้นทางหลบหนีเข้ามายังบริเวณหมู่บ้านด่านจันทร์ จนกระทั่งพบรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขง 2849 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่บริเวณท้ายป่ามันสำปะหลัง หมู่บ้านด่านจันทร์ ม.6 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ปิดล้อมพื้นที่พร้อมวางกำลังตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าวโดยละเอียด เมื่อในเวลาประมาณ 20.30 น.
ผลปรากฏพบผู้ต้องหารายที่ 13 -24 หลบซ่อนอยู่ในพงหญ้าท้ายป่ามันสำปะหลัง หมู่บ้านด่านจันทร์ ม.6 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ไม่พบผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขง 2849 พระนครศรีอยุธยา ซึ่งรถคันดังกล่าวตรวจสอบในฐานข้อมูลยานพาหนะ กรมการขนส่งทางบก พบว่า นายทองหล่อ เป็นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวผู้ต้องหาที่ 1-24 และรถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สภ.สระโบสถ์ พบว่าผู้ถูกจับที่ 2-24 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การว่าได้ไปรับแรงงานต่างด้าว (ผู้ถูกจับที่ 2 – 12) ที่บริเวณริมถนนข้างทาง อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก โดยได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 15,000 บาท ผู้ถูกจับที่ 1 ยังรับต่อว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริงและตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบโดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาครั้งแรก และได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 2 – 24 ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาร์ ให้การยอมรับว่า ตนเองพร้อมพวกจำนวน 23 คน ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมาในพื้นที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตากและจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพาเพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่ายต่อคนจำนวน 15,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับว่าเขาต้องถูกจับ พร้อมทั้งได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกจับทุกคน ให้ทราบว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิด จะต้องถูกจับกุมโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาที่ 1 “ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” ผู้ต้องหาที่ 2 – 24 กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแห่งการจับ และสิทธิ์ของผู้ถูกจับดังกล่าวข้างต้น ให้ผู้ถูกจับทราบ ซึ่งผู้ถูกจับ รับทราบข้อกล่าวหาและสิทธิของผู้ถูกจับข้างต้นแล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและประสงค์ให้นางสาวจิดาพา แซ่ว่าง เกี่ยวข้องเป็นบุคคลที่ไว้วางใจทราบถึงการจับกุมในครั้งนี้ และได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม ณ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงเมืองลพบุรี หลังจากนั้นจึงได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สระโบสถ์ เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป