จากกรณีเพจเฟซบุ๊กร้านแบมบูหมูกระทะ สาขาเมืองทองธานี ได้โพสต์ภาพเตือนภัยมิจฉาชีพ 2 ผัวเมียหลอกยืมเงินพนักงานในร้านแล้วเชิดหนี พร้อมระบุข้อความว่า “ แจ้งเตือนมิจฉาชีพค่ะ แกล้งมาสมัครงานบอกไม่มีเงิน เล่าปัญหาชีวิตให้น่าสงสาร ขอเงินพอเรารับ มาขอยืมเงินพนักงานที่ร้านแล้วชิ่งหนี ปล.พนักงานมีอายุแล้วเรยไม่ทันคน ฝากระวังกันด้วยนะคะ ”
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านแบมบู หมูกระทะ สาขาเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี สอบถามนางนัชชา ขัตติยะมาตร์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านกล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค.67 เวลาประมาณ 18.30 น. ได้มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่งวัยประมาณ 45-50 ปี ได้ขับรถจยย.มาขอสมัครงานที่ร้านของตน มาขอสมัครเป็นแม่ครัวที่ร้าน แต่ร้านของตนนั้นนั้นเป็นร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะจึงไม่ได้ต้องการแม่ครัว เลยได้แนะนำให้ทั้งคู่ให้ไปสมัครตามร้านอาหาร แต่ทั้งคู่ก็ยังตามตื๊อขอสมัครกับที่ร้านบอกว่าขอทำในตำแหน่งอะไรก็ได้ จนตนใจอ่อนขอข้อมูลส่วนตัวบัตรประชาชนและเบอร์โทรศัพท์ของทั้งคู่เก็บไว้ จึงทราบชื่อของสามีชื่อว่านายวัด แต่ไม่ทราบชื่อภรรยา จากนั้นตนได้นัดทั้งคู่มาคุยกับตนที่ร้านอีกครั้งในวันถัดไป
ต่อมาวันที่ 28 ก.ค.67 เวลาประมาณ 16.00 น.สองผัวเมียก็ได้เดินทางมาที่ร้านแต่ตนติดธุระไม่ได้อยู่ที่ร้าน ตามที่ดูกล้อวงจรปิด และสอบถามพนักงานในร้านปรากฎว่าสองผัวเมียรายนี้ได้มาทำเป็นตีสนิทกับพนักงานที่ร้านของตน และได้ขอยืมเงินของพนักงานที่ร้านไปทั้งหมด 5 คน แต่ไม่ได้มีใครให้ จนกระทั่งพบคุณยายหลิว อายุ 70 ปี พนักงานร้าน เป็นคนที่ตนให้ความช่วยเหลือเพราะเห็นว่าน่าสงสารและไม่มีรายได้ ทางยายหลิวเป็นคนใจดีอยู่แล้วได้หลงเชื่อสองผัวเมียได้ให้เงินไปเป็นเงินจำนวน 200 บาท โดยได้ให้คำสัญญากับคุณยายว่าตนจะได้มาทำงานที่นี่ พอได้เงินแล้วก็จะนำเงินมาคืนคุณป้าแน่นอน แต่สุดท้ายแล้วทั้งคู่หลังจากได้รับเงินไปก็มีการยกมือไหว้ตามภาพกล้องวงจาปิด แล้วก็ได้ขี่จยย.หายไปเลยโดยไม่กลับมาอีก คุณยายได้บอกเพิ่มเติมว่าที่ให้ไปเพราะว่าผู้ก่อเหตุใช้คำพูดที่ดูน่าสงสาร และเหมือนเห็นใจ โดยผู้ก่อเหตุได้พูดกับคุณป้าว่า ‘’ แก่ขนาดนี้ไม่น่ามาทำงานเลยเดี๋ยวผมจะมาช่วยคุณป้าเอง‘’ และคุณป้าได้บอกกับตนเพิ่มเติมด้วยว่าไม่รู้ว่าตัวเองโดนป้ายาหรือไม่เพราะตอนที่ให้เงินไปก็รู้สึกมึนๆงงๆ
ตอนที่ผู้ก่อเหตุได้มาหาตนครั้งแรกได้บอกกับตนว่าตัวเองเป็นคนต่างจังหวัด ขับมอเตอร์ไซค์มาจากบุรีรัมย์ข้าวก็ยังไม่ได้กิน และเพิ่งกลับมาจากงานศพแม่ ตนรู้สึกสงสารจึงได้บอกกับผู้ก่อเหตุว่าข้าวที่ร้านอยากกินอะไรก็ตักกินได้เลย โดยที่ตนไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นมิจฉาชีพ จึงไม่แน่ชัดว่าข้อมูลที่ผู้ก่อเหตุบอกกับตนแต่ละอย่างเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะบอกแต่ละครั้งไม่เคยเหมือนกันเลยสักครั้ง สุดท้ายแล้วอยากจะฝากเตือรภัยกรณีนี้เป็นตัวอย่างในสังคมหากเจอสองคนนี้ให้ระมัดระวังอย่าหลงเชื่อให้เงินไป ตนก็ไม่รู้ว่าวันนึงจะตระเวนไปตามร้านอาหารกี่ร้าน คาดว่ารายได้ไม่น่าจะต่ำกว่าวันละ 500 บาท แน่นอน จึงอยากนำเรื่องนี้มาเตือนภัยพ่อค้าแม่ค้าให้ระมัดระวังอย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเพราะความน่าสงสารและเห็นใจ
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้โทรศัพท์ติดโทรศัพท์พูดคุยกับนายวัด ผู้ที่เข้ามาสมัครงาน ปรากฏว่า เป็นเสียงของทางภรรยานายวัดที่รับโทรศัพท์ โดยภรรยานายวัดได้รับสารภาพว่าได้ไปทักขอยืมจริง ทีมข่าวจึงได้สอบถามว่าจะนำเงินมาคืนให้กับทางคุณยายพนักงานในร้านหรือไม่ แต่ปรากฏว่าภรรยาของนายวัดได้ตัดสายทิ้งทันที
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี